Tuesday, August 23, 2016

ประวิทย์ กับ ประวัติที่ไม่เคยผ่านการรบ!?

"ปัจจุบันเป็นผลของอดีต และ ปัจจุบันเป็นเหตุแห่งอนาคต"

"โกหกให้อนุชนรุ่นหลังฟังดูดีในสายตาคนไม่รู้"

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นทหารรับใช้ เปิดประตูรถยนต์ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยเป็นนายกรัฐมนครี เคยไปรบที่ไหนสมรภูมิใดครับ?
ช่างพูดจนเกินจริงขนาดในภาพด้านล่าง
ยกตนข่มผู้สื่อข่าวและประชาชนที่เกิดไม่ทัน
เอาความดีตรงไหนมากล่าวตามภาพ

แค่คิดก็ผิดหรือ?

ทำงานอาชีพข้าราชการทหาร ไม่ใช่ จะมีสิทธิเหนือคนอื่น เกษียณอายุ 12 ปี ยังอยู่บ้านพักข้าราชการทหารในกรมทหารราบที่๑๑ บางเขน
สงสัยไม่กล้าออกมาอยู่นอกกรมฯกลัวตายม้าง?

==============================

ประวัติจากวิกีพีเดีย
ค้นหามาลงให้อ่านและอ้างอิงตามข้อมูลที่หาได้
ผมมักพบกับคนที่คุยด้วยในสังคมที่เป็นจริงและสรุปคำโต้แย้งได้พอมีสาระสำคัญตามนี้
สลิ่มชอบเถียงว่า อ้างวิกีพีเดียเชื่อถือไม่ได้
(ใครพูดแบบนี้หันธง "สลิ่มแท้100%)

===========================+
ด้วยสนใจที่มาของแต่ละบุคคลที่เป็นข่าว
จึงต้องสืบค้นหาอ่านเท่าที่ค้นหาได้
===========================
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ 

ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก่อนหน้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ดำรงตำแหน่ง
20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ก่อนหน้า สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ถัดไป ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
11 กันยายน พ.ศ. 2557
ผู้บัญชาการทหารบก
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 – 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ก่อนหน้า ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
ถัดไป สนธิ บุญยรัตกลิน
แม่ทัพภาคที่ 1
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 – 30 กันยายน พ.ศ. 2546
ก่อนหน้า พรชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
ถัดไป ไพศาล กตัญญู
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 (71 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ศาสนา พุทธ
การเข้าเป็นทหาร
สังกัด กองทัพบกไทย
ปีปฏิบัติงาน พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2548
ยศ  พลเอก
บังคับบัญชา กองทัพบก
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม ลูกสาว วรรณนิศา วงษ์สุวรรณ (11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 -) รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน รองหัวหน้าและประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ[1] รองประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ , อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ [2] และอดีตผู้บัญชาการทหารบก

ประวัติ แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เป็นบุตรของพลตรี ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และนาย พันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ ลูกสาว วรรณนิศา วงษ์สุวรรณ[3] ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่สอง[4]

การศึกษา แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จากนั้นในปี พ.ศ. 2508 ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 พ.ศ. 2512 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 พ.ศ. 2521 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี พ.ศ. 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 พ.ศ. 2556 ได้รับมอบเกียรติบัตรพิเศษ วิชาการคอมมิวนิสต์ จากวิทยาลัยสังคมนิยมจีน รุ่นที่ 15

การทำงาน แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มรับราชการทหาร[5] ดังต่อไปนี้

พ.ศ. 2512 ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 3
พ.ศ. 2514 ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงหนัก กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2517 ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2519 นายทหารยุทธการและการฝึก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2520 ประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2522 นายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2523 รองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2524 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2527 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2529 รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2532 ผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2536 รองผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2539 ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2540 รองแม่ทัพภาคที่ 1
พ.ศ. 2541 แม่ทัพน้อยที่ 1
พ.ศ. 2543 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก
พ.ศ. 2544 ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
พ.ศ. 2545 แม่ทัพภาคที่ 1
พ.ศ. 2546 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 - 30 กันยายน พ.ศ. 2548 ผู้บัญชาการทหารบก
ในปีพ.ศ. 2554 ได้รับตำแหน่ง เป็นคณะดำเนินคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกรณีประเทศกัมพูชาฟ้องร้องประเทศไทย[6]

ในปีพ.ศ. 2558เขาเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 12 คณะกรรมการ[7]และเป็นรองประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

ภารกิจพิเศษที่ได้รับมอบและรางวัลที่ได้รับ แก้ไข

ราชองครักษ์เวร ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบัน
ผู้อำนวยการ กองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัยวังไกลกังวล ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2545 จนถึง 30 กันยายน 2546
ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 1 เมษายน 2539 จนถึง 1 ตุลาคม 2540
โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าบริเวณพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด(ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (2545-2546)
ประธานกรรมการโครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จังหวัดราชบุรี (2545-2546)
ประธานนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 (ทบ.)
ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ประจำปีพุทธศักราช 2540 สาขาการพัฒนาทางทหาร
ชีวิตและการเมือง แก้ไข

พล.อ.ประวิตร มีชื่อเล่นว่า "ป้อม" จึงได้รับการเรียกขานเล่น ๆ จากสื่อมวลชนว่า "บิ๊กป้อม" เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 17 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.วินัย ภัทธิยะกุล ระหว่างเรียนมีรหัส 7647

พล.อ.ประวิตร ถือได้ว่าเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า "ทหารเสือราชินี" ถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันด้วย

พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ที่มีชื่อมาตั้งแต่แรกว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วตั้งแต่ นายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป ถึงแม้นว่าทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม

ในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่ม นปช. เมษายน พ.ศ. 2552 ในวันที่ 12 เมษายน เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทรวงมหาดไทยในช่วงเวลาเที่ยง เมื่อกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติได้บุกเข้าไปในพื้นที่กระทรวง พล.อ.ประวิตรซึ่งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ต้องวิ่งหลบหนีเพื่อความปลอดภัยด้วย

ปลายปี พ.ศ. 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายาว่า "ป้อมทะลุเป้า" สืบเนื่องจากผลงานด้านความมั่นคงในการสลายการชุมนุมเสื้อแดงที่บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่างๆที่ถูกครหาด้วย[8] ในปี พ.ศ. 2557 หลังการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา[9] และได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง

14 มิถุนายน พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 61 แต่งตั้ง นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ลูกพี่ลูกน้องพลเอกประวิตร เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์[10]

ชีวิตส่วนตัว พล.อ.ประวิตร ครองตนเป็นโสดมิได้เคยผ่านการสมรสมาก่อน[11]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[12]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)

เหรียญชัยสมรภูมิ (กรณีสงครามเวียดนาม)

เหรียญพิทักษ์เสรีชน (ชั้นที่1)

เหรียญราชการชายแดน

เหรียญจักรมาลา

เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[13]
อ้างอิง แก้ไข

↑ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 122/2557 เรื่อง แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131, ตอนพิเศษ 181 ง , 15 กันยายน พ.ศ. 2557, หน้า 2
↑ พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
↑ บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
http://www.rta.mi.th/COMMAND/command17/_history/his_pravit.htm ประวัติพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณผู้บัญชาการทหารบก
↑ ฉายานักการเมืองปี 53
↑ พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน 32 ราย)
↑ จาก "ผบ.ทบ.โสดสนิท" คนแรก สู่ "รมว.กลาโหมที่ไม่มีภริยา" คนแรก ในประวัติศาสตร์
↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ชั้นสายสะพาย ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๔๖) เล่ม 120 ตอนที่ 19ข วันที่ 1 ธันวาคม 2546
↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี 2551
แหล่งข้อมูลอื่น 

อ่านในภาษาอื่น
Last edited 16 days ago by an anonymous user

ศาลทหาร ไม่อนุมัติหมายจับ "ศักรินทร์"

มันจะบ้าไปถึงไหน? นัดฟังคำสั่งคดีฟ้อง 8 แอดมินวิจารณ์ คสช.

ส่งฟ้อง น.ศ ฉีกบัตรลงประชามติ

Monday, August 22, 2016

รอบวันทันเหตุการณ์ 12.00น. นายกฯ บ่นทำงานหนัก แต่ถูกต่อว่าไม่มีผลงาน ช่ว...

17 แดง “พรรคปฏิวัติ” คือใคร? จากมุมมอง คมชัดลึก

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?
หลังเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ทหารได้ควบคุมตัว "คนเสื้อแดง" จากทั่วประเทศมาควบคุมตัวไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11)
เพื่อหาข้อมูลว่า พวกเขาเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมดังกล่าวหรือไม่? 

วันที่ 18 ส.ค.ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้นำพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อจับกุม 17 ผู้ที่ทหารควบคุมตัวไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมทั้งหมด 17 คน

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ทราบว่า พวกเขาเป็นสมาชิกของ"พรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย" หรือ "แนวร่วมปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย" (นปป.) ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับอำนาจรัฐ

       จากการตรวจสอบปูมหลังของผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร จำแนนออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มนักทฤษฎีภาคใต้

       ตัวละครหลักมี 2 คน คือ ประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง ที่ถูกควบคุมตัวเข้าค่ายทหารเป็นคนแรก พร้อมกับหนังสือชื่อ "คู่มือการต่อสู้ของคนเสื้อแดง"

       "ประพาส" เป็นสานุศิษย์ประเสริฐ ทรัพยสุนทร อดีตกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) และเป็นนักเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนในพื้นที่ตรัง-พัทลุง-สตูล

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       อีกคนหนึ่ง ปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมสตูล และเป็นแกนนำเสื้อแดงสตูล พร้อมกับเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาพันธุ์ประชาธิปไตยภาคใต้

       ที่ฝ่ายความมั่นคงให้ความสนใจคือ ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี หรือฉายา "ปู่เล็ก" เป็นชาวพัทลุง แต่มีบ้านพักอยู่ใน จ.นนทบุรี

       "ปู่เล็ก" เป็นแดงอุดมการณ์ ที่มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งและให้การศึกษาทางทฤษฎีการเมือง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       ส่วนคนอื่นๆ เป็นแนวร่วม นปช. อาทิ วิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช และ วิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

กลุ่มแนวร่วมเสื้อแดง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       ผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นแนวร่วมเสื้อแดง ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นอาทิ ชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย แกนนำแดงเชียงราย, ณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง แกนนำแดงอ่างทอง และ "ดอน" ศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม แนวร่วมแดงฮาร์ดคอร์

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

      ส่วนที่ถูกระบุว่าเป็นแดงฮาร์ดคอร์ ประกอบด้วย วีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาวจ.นนทบุรี ,สรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม.,เหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี และ บุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย

       ส่วน มีนา แสงศรี อายุ 39 ปี เป็นแม่ค้าขายน้ำพริก อยู่ย่านสวนหลวง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

กลุ่มญาติผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล

       ผู้ต้องหาชื่อ รุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นั้นเป็นภรรยาของผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

       ส่วน ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวจ.หนองคาย และ ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย เป็นพี่สาวพี่เขยของ "รุจิยา" โดยพวกเขาถูกควบคุมตัวมาจากหนองคาย

ด่วน! ใช้ ม.44 ขีดเส้น 3เดือน สั่งราชการ หาวิธีแก้ปัญหาคนใช้ศาสนาบิดเบือนสร้างขัดแย้ง

ด่วน! ใช้ ม.44 ขีดเส้น 3เดือน สั่งราชการ หาวิธีแก้ปัญหาคนใช้ศาสนาบิดเบือนสร้างขัดแย้ง

 ราชกิจจา-1024x576

วันที่: 22 ส.ค. 59 เวลา: 18:03 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ส.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 49/2559 เรื่อง มาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทย ระบุว่า โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเกือบทุกฉบับที่มีมาในอดีตและฉบับที่ได้รับความเห็นชอบ ในการออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งจะประกาศใช้เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศในเร็วๆ นี้ ต่างบัญญัติรับรองว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนาและมีเสรีภาพในการปฏิบัติหรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงได้กําหนดแนวนโยบาย แห่งรัฐว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ซึ่งในประวัติการปกครองของประเทศไทยพระมหากษัตริย์และทางราชการได้อุปถัมภ์บํารุง และอารักขาคุ้มครองศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์เสมอมา ประชาชนมีเสรีภาพในการนับถือ การปฏิบัติพิธีกรรม ตลอดจนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมคําสอนของทุกศาสนา การละเมิดศาสนวัตถุ ศาสนสถานอันเป็นการเหยียดหยามศาสนาของหมู่ชนใด การก่อความวุ่นวายในเวลามีพิธีกรรม และการแต่งกาย หรือใช้เครื่องหมายของศาสนบุคคล โดยมิชอบย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย แม้แต่การละเมิดจารีตประเพณี ทางศาสนาใด ๆ ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สังคมตําหนิติเตียน หากผู้กระทําเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ย่อมมีความผิดทางวินัย นอกจากนั้น ยังเป็นที่ยอมรับว่า ศาสนาทั้งหลายต่างก็มีอิทธิพลเกื้อกูลวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชนชาวไทย แม้แต่บรรพชนไทยในอดีตที่มีส่วนในการรักษาเอกราชอธิปไตย และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ก็ประกอบด้วยศาสนิกชนที่แม้นับถือศาสนาต่างกันแต่ก็ไม่มีปัญหาความแตกแยกเพราะมีจิตใจยึดมั่นในความเป็นชาติไทยร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ประเทศชาติกําลังต้องการความรู้รักสามัคคี ความปรองดอง และการปฏิรูปประเทศเพื่อไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความสงบเรียบร้อย และความร่มเย็นเป็นสุข
ส่วนศาสนาก็มีบทบาทสําคัญในการส่งเสริมคุณงามความดีและคุณธรรมที่ก่อให้เกิดความสงบร่มเย็น แต่กลับมีบางฝ่ายนําความแตกต่างอันเป็นปกติของสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาขยายความ หรือบิดเบือนให้เป็นความขัดแย้งในหมู่ศาสนิกชนทั้งที่ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเกี่ยวกับ ความเชื่อความศรัทธา ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชนในชาติ จึงสมควรกําหนดมาตรการเพื่อประโยชน์ ในการปฏิรูป ความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ และการป้องกันการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลาย ความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การอุปถัมภ์และคุ้มครองทุกศาสนาอันเป็นที่ยอมรับของทางราชการและประชาชนชาวไทย และการส่งเสริมศาสนิกชนทั้งหลายให้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศ การสร้างความสามัคคีปรองดอง และการปฏิรูปประเทศโดยไม่ขัดต่อกฎหมายและหลักธรรมคําสอนทางศาสนาเป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานของรัฐ

ข้อ 2 ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ นับถือพระพุทธศาสนาตามแบบเถรวาทมาช้านานดังที่วัดวาอาราม พระภิกษุ การประกอบพิธีของทางราชการ บทสวดมนต์ การศึกษา การเผยแผ่ ตลอดจนการจัดการปกครองคณะสงฆ์ล้วนเป็นไปตามแบบเถรวาท มานานหลายศตวรรษ จึงให้หน่วยงานของรัฐส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา และการเผยแผ่หลักธรรม คําสอนที่ถูกต้องตามแนวทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา สอดคล้องกับความเลื่อมใสศรัทธา ของผู้ที่นับถือศาสนาตามแบบนั้น ๆ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ในส่วนของการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามแบบมหายานไม่ว่าจะเป็นจีนนิกาย อนัมนิกายหรืออื่นใด ซึ่งได้รับการอุปถัมภ์คุ้มครองจากรัฐตลอดมา ให้หน่วยงานของรัฐส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมคําสอนที่ถูกต้องตามแนวทางดังกล่าว เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา สอดคล้องกับความเล่อมใสศรัทธาของผู้ที่นับถือศาสนาตามแบบนั้น ๆ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

ข้อ 3 ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาอื่น ได้แก่ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและรัฐได้ให้การอุปถัมภ์