Sunday, May 29, 2016

ข้อคิดว่าด้วย คดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 จากมุมมองตำรวจท่านหนึ่ง

มีเสียงดังก้องจากชาวตำรวจหลายราย ผ่านมายังคอลัมน์นี้ เพื่อขอร่วมวงถกเถียงคดีสลายม็อบ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งผู้นำรัฐบาลและผู้นำตำรวจถูกฟ้องร้องกล่าวหา โดยเน้นย้ำว่าคดีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้รัฐบาลชุดต่อๆ ไปต้องยึดถือเป็นแนวทาง

 จึงน่าเป็นห่วงว่า จะกระทบต่อชีวิตของประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างถูกกฎหมาย

 รวมทั้งกระทบต่อขวัญกำลังใจของตำรวจด้วย
 

 คิดง่ายๆ ว่า ถ้าคดี 7 ตุลาคม 2551 เป็นปฏิบัติการด้วยตำรวจปจ. ใช้เพียงแก๊สน้ำตา ป.ป.ช.สรุปว่ามีความผิด


 ขณะที่คดี 99 ศพ เมษายน-พฤษภาคม 2553 ใช้เจ้าหน้าที่กองทัพพร้อมกระสุนจริง ป.ป.ช.สรุปว่าไม่มีความผิด


 แล้วต่อไปเมื่อมีการชุมนุมประท้วงทางการเมือง รัฐบาลจะใช้แนวทางไหน!?!


 ตำรวจที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ยืนยันว่า รัฐบาลและผู้บังคับบัญชา สั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน ตามแผนกรกฎ 48 ไม่มีอาวุธ อดทนอดกลั้น


 แต่ในทางกลับกัน มีตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ 41 ราย ปรากฏในรายงานของโรงพยาบาลตำรวจชัดเจน


 บางราย เช่น ด.ต.ทวีป กลั่นเนียม ถูกเหล็กแหลมแทงที่ชายโครงขวา บาดเจ็บสาหัส แพทย์ระบุว่าหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจถึงแก่ความตายได้


 อีกทั้งต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งลงวันที่ 9 ตุลาคม 2551 วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ชุมนุมนั้นผิดกฎหมาย ไม่สงบและมีอาวุธ


 ขณะที่การปฏิบัติของตำรวจ เป็นไปตามมติครม.เมื่อปี 2535 และเป็นไปตามหลักปฏิบัติที่ใช้ในนานาประเทศ


 ส่วนการที่มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 2 ราย ควรจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่ชัดเจน


 ข้อกล่าวหาที่ว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตารุนแรงจนเสียชีวิตนั้น จะต้องพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์!


 โดยมีการตรวจพิสูจน์สภาพศพของผู้เสียชีวิตไปแล้วว่า สภาพบาดแผลมีสารซีโฟร์


 แต่การตรวจแก๊สน้ำตามีแต่สารอาร์ดีเอ็กซ์ ไม่มีซีโฟร์ โดยอาร์ดีเอ็กซ์ไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


 ดังนั้นต้องทำคดีผู้เสียชีวิต 2 รายตามหลักกฎหมายให้แน่ชัด


 มิใช่คลุมเครือแล้วกล่าวหาว่าเพราะแก๊สน้ำตา แล้วกล่าวโทษผู้สั่งการระดับรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!


 ขอยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติไปตามแผนกรกฎ 48 มุ่งควบคุมฝูงชน มิใช่การมุ่งทำอันตรายต่อชีวิตและร่างกายผู้ชุมนุม


 ขณะเดียวกันทั้งมติก.ตร. ทั้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 93/2527 ให้ยกโทษและคืนตำแหน่งให้กับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ


 เป็นกรณีชี้ว่าคดีได้ถึงที่สุดแล้ว โดยไม่มีความผิด


 ทั้งหมดนี้สมควรอย่างยิ่งที่ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันจะนำมารวบรวมเพื่อตัดสินใจให้ถูกต้อง


 นี่คือมุมมองจากฝ่ายตำรวจในคดีที่จะต้องยึดเป็นหลักปฏิบัติต่อไป!

พงศ์เทพ เทพกาญจนา คนกลางคลอง 29-5-2016

พบภาพ “พระพุทธเจ้า” ที่ ‘เมสไอนัค’ อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

พบภาพ "พระพุทธเจ้า" ที่ 'เมสไอนัค' อัฟกานิสถาน วอนแชร์ทั่วโลก หวังจีนยับยั้งขุดแร่

Source: http://www.matichon.co.th/news/152931

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊ก Saving Mes Aynak ซึ่งผลักดันการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี 'เมสไอนัค'อายุกว่า 2,000 ปีในประเทศอัฟกานิสถาน ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบภาพสีน้ำมันรูปพระพุทธเจ้า และมีบุคคลอื่นๆนั่งเรียงเป็นแถว โดยระบุว่าเป็นการค้นพบใหม่เมื่อเร็วๆนี้ และขอให้ช่วยแชร์ภาพดังกล่าวไปทั่วโลก ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความสำคัญของแหล่งโบราณคดีดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกทำลายโดยกลุ่ม "ตาลีบัน" แต่ปัญหาสำคัญในขณะนี้คือกรณีที่จีนต้องการขุดแร่ทองแดงจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหมายถึงการทำลายแหล่งโบราณคดีโดยปริยาย

หลังภาพและข้อมูลถูกเผยแพร่ ได้ถูกแชร์แล้วเกือบ 1,000 ครั้ง และมีผู้คนจากทั่วโลกเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กดังกล่าว ส่วนใหญ่ระบุว่าทุกคนต้องร่วมมือกันในการปกป้องแหล่งอารยธรรมอันทรงคุณค่านี้ และแสดงความห่วงใยต่อการที่จีนจะทำการขุดแร่ นอกจากนี้บางรายระบุว่าโลกควรร่วมกันเรียกร้องให้จีนและอัฟกานิสถานหันกลับมาดูแลมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง




''พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ชาติอิตาลียอมรับเป็นทางการแล้ว''


ราวสิบกว่าปีมาแล้ว สื่อมวลชนในยุโรปได้แถลงกันยกใหญ่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่จะเติบโตเร็วที่สุดในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะเห็นว่ากระแสผู้นับถือเติบโตเร็วมากทั้งในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ไม่ว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, สเปน, ออสเตรเลีย ฯลฯ วัดวาอารามผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการนำพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศฝรั่งเหล่านี้แต่ไหนแต่ไรมาส่วนมากแล้วนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน และกระแสชาวคริสต์หันมานับถือพระพุทธศาสนานี้ก็ก่อตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19

ประเทศยุโรปบางแห่ง เช่น อิตาลีได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ยกพระพุทธศาสนาให้เป็นหนึ่งในศาสนาสำคัญของชาติ ไม่ต่างอะไรกับศาสนาคริสต์

สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สอง ซึ่งเป็นประมุขของคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ทรงมองเห็นกระแสดังกล่าว ครั้งได้ประทานสัมภาษณ์แก่วิตโดริโอ เมสซุรี่ นักเขียนและนักสื่อมวลชนที่มีชื่อของอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 2536 อันเป็นช่วงที่มีการเฉลิมฉลองครบ 15 นับแต่ที่พระองค์ได้ทรงรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา จึงทรงตั้งพระทัยวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาพระพุทธศาสนาอย่างตรงๆ ต่อมาบทประทานสัมภาษณ์ซึ่งมีหลายตอนนี้มาพิมพ์รวมเล่มในรูปหนังสือชื่อ Crossing the Threshhold of Hope (London, Jonathan Cape, 1994) มีทั้งหมด 244 หน้า (รวมดรรชนีคำศัพท์)

ตอนที่ทรงวิพากษ์วิจารณ์คำสอนพระพุทธเจ้า (ซึ่งทรงเข้าพระทัยผิดๆ อยู่มาก) อยู่ในบทที่ 12 มีทั้งหมด 7 หน้า (ตั้งแต่หน้า 84-90) 
สาเหตุที่ทรงวิจารณ์พระพุทธศาสนา มีกล่าวชัดในบทประทานสัมภาษณ์ กล่าวคือทรงต้องการเตือนสติชาวคริสต์ทำนองว่าไม่ควรด่วนเข้าไปนับถือคำสอนพระพุทธศาสนา แต่ควรใช้วิจารณญาณ (For this reason, it is not inappropriate to caution those Christians who enthusiastically welcome certain ideas originating in the religious traditions of the Far East, pp.89-90)
ที่เป็นดังนี้ เพราะกระแสคนหันมานับถือพระพุทธศาสนา และช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันในยุโรป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักเป็นชาวคริสต์มาก่อน หลายคนเคยเป็นบาทหลวงระดับสูง ต่อมาก็มีฝรั่งนักวิชาการชาวพุทธหลายคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ซึ่งเคยเป็นชาวคริสต์มาก่อน ได้เขียนตอบโต้พระองค์ลงวารสารต่างๆ มากมาย ที่โดดเด่นก็ คือ กลุ่มพระสงฆ์ชาวอิตาเลี่ยนในอิตาลี นำโดย พระฐานวโร ได้เข้าเฝ้าเพื่อทูลชี้แจงให้สมเด็จพระสันตปาปาทรงทราบด้วยซ้ำว่าทรงอธิบายพระพุทธศาสนาผิดๆ

ยุโรปตอนนี้จึงเหมือนอินเดียครั้งพุทธกาล ศาสนาเดิมที่ผู้คนนับถือคือศาสนาพราหมณ์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาก็มีผู้เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มานับถือ และขวนขวายเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่

ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเดือดเนื้อร้อนพระทัยว่าใครจะหันมานับถือศาสนาของพระองค์หรือไม่ ทรงสอนให้ผู้ฟังเทศน์ของพระองค์รู้จักไตร่ตรองหาเหตุผลให้รอบคอบก่อนถึงจะเชื่อ หลายคนที่หันมานับถือคำสอนของพระองค์เคยให้ความอุปถัมภ์ศาสนาอื่นมาก่อนก็มี พระองค์ก็ทรงแนะให้คนเหล่านี้กลับไปคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิหนำซ้ำพระองค์ยังคงแนะให้บรรดาผู้หันมานับถือพระพุทธศาสนาเหล่านี้ยังคงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาอื่นๆ ที่ตนเคยนับถือตามปกติไปด้วย

แต่เดิม ศาสนาคริสต์ถูกลัทธิมาร์กซ์โจมตีอย่างรุนแรงมาร์กซ์ได้ประณามศาสนาว่า คือยาเสพติด เพราะสอนให้ประชาชนศรัทธาแบบหัวปักหัวปำโดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง หลายอย่างขัดแย้งหลักวิทยาศาสตร์ เช่น โลกแบน, โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงใหม่ ๆ หลายคนถูกศาสนจักรลงโทษจนตายในคุก

แต่เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุโรป พระพุทธศาสนาได้สอนให้ปัญญาชนชาวยุโรปได้เข้าใจความหมายของ Religion เสียใหม่ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือคำสอน ซึ่งทรงสอนให้ผู้ฟังใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้ก่อนจะปลงใจเชื่อ ไม่ใช่เทวโองการ (Gospel)จากพระเจ้าซึ่งแย้งไม่ได้ พระสงฆ์หรือพุทธสาวกก็มิใช่มิชชันนารี ซึ่งมีภารกิจหลักคือจาริกไปชี้ชวนให้ใครต่อใครมานับถือพระศาสนา พระสงฆ์หรือพุทธสาวกมีหน้าที่เพียงอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้คนที่สนใจฟังเท่านั้น ใครไม่สนใจฟัง ชาวพุทธก็ไม่เคยใช้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญบังคับให้นับถือ ไม่เคยตั้งกองทุนให้การศึกษาฟรี แล้วสร้างเงื่อนไขให้ผู้รับทุนเปลี่ยนมาเป็นชาวพุทธ ไม่เคยสร้างที่พักอาศัยให้หรือแจกทานให้อาหารฟรีๆ แล้ววางเงื่อนไขให้คนมาขออาศัยตนต้องหันมานับถือศาสนาในภาวะจำยอม

ขณะที่ศาสนาคริสต์ต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักเพื่อดึงศรัทธาชาวยุโรปให้นับถือเหมือนเดิม ในเวลาเดียวกันก็พยายามแสวงหาผู้นับถือใหม่ๆ ในประเทศเอเชียให้มากยิ่งขึ้น การเผยแพร่หนังสือ "พลังชีวิต" ซึ่งจัดพิมพ์โดยมูลนิธิอาร์เธอร์ เอส เดอมอส ในประเทศไทยคือหนึ่งในความพยายามดังกล่าวนี้

ความใจกว้างและมีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรม เชิญชวนให้มาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองและเน้นให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนับถือ ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยอมรับจากวิญญูชนไปทั่วโลก นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ดัง ๆ ระดับโลกจำนวนมาก เช่น โซเพน ฮาวเออร์, ไอน์สไตน์ ต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนา
นับแต่พระพุทธศาสนาเข้ายุโรปสมัยศตวรรษที่ 19 ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงสถิติว่าคนยุโรปและอเมริกาชาติต่าง ๆ หันมาเข้าวัดในพระพุทธศาสนามากขึ้นบ้าง ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมากขึ้นบ้าง สถานปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาซึ่งรวมทั้งวัดวาอารามเพิ่มขึ้นที่นั่นที่นี่ประจำบ้าง

เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาอีกว่า ดาราฮอลลี้วูดอังกฤษ ชื่อ ออร์นันโด บลูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แสดงนำในหนังเรื่อง The Lord of the Rings ได้ทำพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างทหารอเมริกันพยายามไล่บี้ทหารอิรักอย่างเมามันตามคำสั่งของประธานาธิบดีบุชไม่นานมานี้ ทหารอเมริกันคนหนึ่งนามว่า เจเรมี่ ฮินซ์แมน วัย 26 ปี ได้ตัดสินใจหนีทัพอเมริกาในอิรักไปปักหลักลี้ภัยในแคนาดา เขาให้เหตุผลว่าสงครามที่อเมริกาทำกับชาวอิรักเป็นสงครามผิดกฎหมาย ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเขาเป็นชาวพุทธที่สนใจปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เขาให้สัมภาษณ์ว่าคำสอนพระพุทธศาสนาสอนให้เขาไม่อยากทำสงคราม เขาตั้งปฏิญาณว่าจะรับใช้ชาติหรือพิทักษ์ชาติจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู แต่มิใช่ไปทำสงครามแบบก้าวร้าวต่อชาติอื่นดังที่ทหารอเมริกันกำลังทำอยู่ในอิรักเวลานี้

ผมได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ Lanka Daily News ในลังกาตั้งแต่ 23 ต.ค. ที่แล้วว่าปัจจุบันพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในแคนาดา ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในอเมริกาเหนือ พระพุทธศาสนาเข้าแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมาบูมขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2503-2513 (1960s) เป็นต้นมา ช่วงนั้นมีการสำรวจพบว่าวัดชาวพุทธมีแค่ 18 วัด มีชาวแคนาดาปฏิบัติธรรมราวๆ 10,000 คน แต่เมื่อสำรวจผู้นับถือพระพุทธศาสนาอีกครั้งในพ.ศ. 2528 ชาวพุทธมีเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน หกปีหลังจากนั้นคือพ.ศ. 2534 รัฐบาลสำรวจคร่าวๆ อีกครั้งพบว่าผู้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะมีเพิ่มเป็น163,415 คน รัฐมาสำรวจครั้งล่าสุดอีกครั้ง เมื่อพ.ศ. 2544 พบว่าพุทธมามกะแท้ ๆ มีไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แซงหน้าจำนวนผู้นับถือศาสนาฮินดูและศาสนาซิกข์ ซึ่งเคยตามหลัง จำนวนผู้นับถือยังเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ทุกปี

ผลสำรวจยังบอกว่าวัด, สถานที่ปฏิบัติธรรม หรือศูนย์กลางของชาวพุทธในแคนาดาตอนนี้มีเกือบๆ จะถึงหนึ่งพันแห่งทั่วประเทศ เมืองที่มีชาวพุทธมากที่สุดคือ ออนตาริโอ, บริติชโคลัมเบีย และควิเบก ข่าวยังลงด้วยว่าแม้จำนวนคนนับถือจะยังอยู่เรือนแสน แต่จำนวนผู้แสดงความสนใจและเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาบ้างแล้วมีหลายล้านคนทั่วประเทศ

เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา โฆษกประจำรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กระพือข่าวว่า องค์ทะไลลามะจะได้รับอนุญาตให้เข้ารัสเซีย หลังจากถูกแบนเพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์กับจีน หลังจากรัสเซียเซ็นสัญญามิตรภาพกับจีน เมื่อ พ.ศ. 2544 แต่ชาวรัสเซียก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าองค์ทะไลลามะจะมาเยือนด้วยภารกิจศาสนา เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้องหนักขึ้น รัสเซียก็ยอมอนุญาตให้ท่านเข้ารัสเซียแต่โดยดี ปลาย พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านทะไลลามะจึงมีโอกาสแสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทและประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่เมืองกัลมิเกีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณหนึ่งพันไมล์

ชาวรัสเซียหลายคนในเมืองนี้มีบรรพบุรุษเป็นชาวมองโกลซึ่งอพยพจากทางตะวันตกของจีนเข้าสู่รัสเซียเมื่อราว 4 ร้อยกว่าปีมาแล้ว พระพุทธศาสนาที่นำเข้ามาจึงเป็น พระพุทธศาสนาแบบทิเบต ผลปรากฏว่า มีชาวพุทธและผู้สนใจทั่วๆ ไปชาวรัสเซียแห่กันมาฟังธรรมล้นหลามเป็นจำนวนหลายพันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานลงใน Ireland Online ว่าจากจำนวนประชากรของเมืองนี้ ทั้งหมดราว 3 แสนคน ประมาณครึ่งหนึ่งนับถือพระพุทธศาสนา รัสเซียมีประชากรราว 144 ล้านคน ในจำนวนนี้มีราว 1 ล้านคน ที่ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ

ผมดูภาพรวมพระพุทธศาสนาจากข่าวสารต่างๆ แล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมแบบพุทธกำลังเติบโตและเบ่งบานในหลาย ๆ ประเทศของทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกาบางแห่ง เช่น รัสเซียแม้จะเติบโตช้า แต่ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ก็เริ่มมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมคิดว่าปัญญาชนในประเทศทุนนิยมทั่วโลกเวลานี้คงเอือมระอากับ "ทุนนิยมเสรี" หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กระแสโลกาภิวัตน์กันไม่น้อยและก็คงเห็นชัดเจนแล้วว่ามีแต่ศาสนาเท่านั้นที่จะช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์มีความเป็นผู้เป็นคน(ใจสูง) มากขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่มีแต่นายทุนจอมตะกละตะกรามแสวงหากำไรสูงสุดอยู่ทุกแห่ง ดังนั้น จึงเริ่มผ่อนปรนให้ผู้นำศาสนาทำงานได้สะดวกขึ้น

ที่มา : ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลhttp://www.siamrath.co.th/Education.asp?ReviewID=89725
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php…

via minds https://www.minds.com/newsfeed/583684127237087232


--
....
piangdin :-)
President, Thai Alliance for Human Rights http://thai-ahr.org               .
President, Thai People's Revolutionary University for Democracy http://thai-ahr.org

Saturday, May 28, 2016

ลูกศิษย์ พระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย ยืนยันไม่มีซ่องสุมคน

สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลวิกฤต

สถานีเสียงประชาชนไทย (Voice of Thailand VOT)


กรุณาสมัครเป็นสมาชิก (subscribe) สถานี YouTube ของเราด้วยครับ
"วัฒนธรรมประชาธิปไตย"
รายการ "เราเสนอ ท่านตัดสินใจ"
สถานีเสียงประชาชนไทย (Voice of Thailand VOT), 28 พ.ค. 2559
ผู้ออกความคิดเห็น: อ.ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ
ผู้ดำเนินรายการ: สุกิจ ทรัพย์เอนกสันติ
--
....
piangdin :-)
President, Thai Alliance for Human Rights http://thai-ahr.org               .
President, Thai People's Revolutionary University for Democracy http://thai-ahr.org