Monday, May 23, 2016

คสช.​ไม่ได้คืนความสุข แต่ได้ยัดเยียดความทุกข์ให้ปวงชนมาตลอด

"จากเด็กค่อนข้างร่าเริง ยายบอกว่า ทั้งสองสาวกลายเป็นคนเงียบๆ ซึมๆ ไปมากขึ้น นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่แม่ไม่ได้อยู่บ้านอีกต่อไป"
 
คำบอกเล่าของผู้เป็นยายถึงความรู้สึกหลานสาวหลังลูกสาวเธอ ศศิวิมล ผู้เป็น "แม่" ของเด็ก ต้องถูกคุมขังในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ในโทษสูงถึง 28 ปี 
--------------
ตั้งแต่รัฐประหาร มา 24 เดือนมีผู้คนจำนวนมาก 'ไม่ได้รับความสุข' จากคสช. หนำซ้ำกลับได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจทหารเหนือกระบวนการยุติธรรม จำนวนมากถูกดำเนินคดี จำนวนมากถูกจำคุก และอีกหลายจำนวนต้องตัดสินใจลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ  อ่านรายงานเต็ม   http://goo.gl/mHUOZ3 >> เมื่อทหารไม่ได้คืนแต่ "ความสุข"

จากการบันทึกข้อมูลของไอลอว์ ในยุคคสช.มีอย่างน้อย 93 คนที่ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ เพราะการแสดงความคิดเห็น และอย่างน้อย 303 คนผ่านการถูกคุมขังในค่ายทหาร ปัจจุบันบุคคลที่ยังถูกคุมขังอยู่เพราะการแสดงออกอย่างสงบมีอย่างน้อย 44 คน ซึ่งเป็นการคุมขังตามคำพิพากษา 26 คน และเป็นการคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี 18 คน
สำหรับจำนวนคนถูกประกาศเรียกรายงานตัวตามคำสั่งคสช.เท่าที่บันทึกได้จากการรายงานของสื่อมวลชน และคำบอกเล่าที่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้มี 480 คน จากจำนวนนี้ จนถึงปัจจุบันมีคนเข้ารายงานตัวแล้ว 349 คน ส่วนอีก 131 คน ยังไม่ทราบชะตากรรม จากการเก็บข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน เพราะหนีภัยทางการเมืองมากกว่า 200 คน 

พูดก็พูดเถอะ ! 
หลากหลายเรื่องราวการพลัดพรากที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการใช้อำนาจของรัฐที่ใช้อารมณ์ในกระบวนการยุติธรรมมากกว่าเหตุผล ผู้คนจำนวนมากเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ที่ได้รับผลกระทบเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตลอดสองปีของคสช.ได้บีบให้คนจำนวนมากไม่มีทางเลือก ผู้ได้รับผลกระทบต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ธุรกิจล้มละลายหาย บางคนไม่ได้กลับประเทศ เพียงเพราะความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง ...

อ่านรายงานตอนอื่นๆ ที่
http://goo.gl/30Wn1e >> เมื่อทหารทำตัวเป็นศาลและอัยการ
http://goo.gl/NLoFsj >> เมื่อทหารทำตัวเป็นตำรวจ
http://goo.gl/L7Uz4m >> เมื่อทหารทำตัวเป็น "กองเซ็นเซอร์"
 http://goo.gl/pkA73C >> เมื่อทหารทำตัวเป็นผู้คุมฯ

สองปีที่เกินกว่า "เสียของ” โดย วัฒนา เมืองสุข

สองปีที่เกินกว่า "เสียของ"

ผมเห็นภาพคนไทยจำนวนหนึ่งไปรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในโอกาสครบรอบสองปีของการยึดอำนาจทำให้ผมมีความหวัง เพราะผมเชื่อมาตลอดว่าเมื่อประชาชนไม่กลัวไม่เคยมีใครชนะประชาชน ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้ว มีบุคคลคณะหนึ่งเรียกตัวเองว่า คสช. อ้างสถานการณ์ความไม่สงบที่ก่อขึ้นโดยคนที่พวกเค้าคุ้นเคยเข้ายึดอำนาจการปกครอง ส่วนวัตถุประสงค์เป็นไปตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 1/2557 ที่ผมโพสต์มาให้ดูเพื่อกันลืม
สองปีที่ผ่านมาได้เกิดความเสียหายกับประเทศแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจที่ล้มเหลว เช่น ส่งออกติดลบ การบริโภคภายในตก ไม่มีการลงทุนใหม่ สุดท้ายต้องกระตุ้นด้วยการใช้จ่ายภาครัฐก็โกงกันเองได้แก่ โครงการแก้ภัยแล้งที่เอางานให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ไปขายต่อ เป็นต้น สังคมแตกแยกมากขึ้นเพราะการเลือกปฏิบัติ ส่วนการแก้ปัญหาความสงบที่บังคับไม่ให้คนพูดหรือแสดงความเห็นต่างไม่ยั่งยืนและไม่สงบจริง ที่แย่ไปกว่านั้นคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนจนทำให้ประเทศไทยถูกประณามในที่ประชุม UPR ของสหประชาชาติ ยังไม่นับรวมการบริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ ตัดเบี้ยคนชรา ยกเลิกการเรียนฟรีของเด็ก ม.ปลายโดยอ้างว่าไม่มีงบประมาณแต่กลับมีเงินไปซื้ออาวุธให้กองทัพ
ยึดอำนาจได้ไม่ถึงสองเดือน คนพวกนี้ก็เริ่มหากินกับงบประมาณของรัฐ เอกสารที่ผมโพสต์มาให้ดูระบุชัดเจนว่า คสช. เป็นผู้ให้ความเห็นชอบให้ อผศ. ได้รับงานขุดลอกคูคลอง แหล่งน้ำจากหน่วยงานของรัฐโดยไม่ต้องประกวดราคาโดยรู้อยู่แต่แรกแล้วว่า อผศ. ไม่มีความพร้อม ดังนั้น คสช. และ อผศ. คือตัวการร่วมกันในความผิดฐานหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา ผลของการทุจริตทำให้ อผศ. ได้งานจากรัฐโดยไม่ต้องประกวดราคาถึง 1,120 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 6,537,189,001 บาท จากนั้นก็เอางานไปขายต่อเพื่อชักหัวคิวแบ่งกัน ทำให้รัฐได้รับความเสียหายจากการจ้างที่แพงขึ้นเพราะไม่มีการแข่งขันราคา รวมทั้งผู้รับจ้างช่วงทิ้งงานเพราะถูกชักหัวคิวจนทำงานไม่ได้ ส่วนประชาชนที่ตรวจสอบถูกข่มขู่และเรียกปรับทัศนคติ ทั้งที่ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐอยู่ในลำดับที่ 22 ของบัญชีท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ซึ่งถือว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดเป็นมาเฟียหรือเป็นผู้มีอิทธิพลที่ต้องจัดการด้วยอำนาจพิเศษ แต่อำนาจที่ว่านี้มีไว้ใช้จัดการกับฝ่ายตรงข้ามที่ไม่มีทางสู้ เช่นนายเนติวิทย์เด็กนักเรียนที่ถูกทหารบุกบ้านเพราะเป็นผู้มีอิทธิพล หรือสตรีเช่นแม่จ่านิวและพระที่อยู่ตรงข้ามกับพวกตน ส่วนตัวเองกับพวกที่ทุจริตหรือพระที่สนับสนุนการปฏิวัติขนาดบุกไปปิดสถานทูตอเมริกากลับไม่เคยถูกดำเนินการ
คสช. เรียกร้องให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กับตัวเองและพวกกลับอาศัยมาตรา 279 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่อ้างว่าปราบโกงที่ผมโพสต์มาให้ดูหลบหนีการตรวจสอบ มาตราดังกล่าวบัญญัติให้การกระทำทุกอย่างของ คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำให้ไม่อาจเอาผิดกับ คสช. แม้มีการทุจริต คงหายสงสัยนะครับว่าทำไม คสช. จึงกล้าใช้อำนาจตามอำเภอใจและไม่สนใจที่จะตรวจสอบการทุจริต สู้เอาเวลาไปซื้ออาวุธและจัดการกับคนที่ค้านหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดีกว่า พี่น้องประชาชนคิดอย่างไรอย่าลืมออกมาบอกในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นะครับ
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
23 พฤษภาคม 2559

ข้ออ้างที่ไม่ได้เรื่องของผู้สนับสนุนเผด็จการไทย ในสายตาฝรั่ง แอน นอร์แมน

ข้ออ้างที่ไม่ได้เรื่องของผู้สนับสนุนเผด็จการไทย ในสายตาฝรั่ง แอน นอร์แมน

คุณแอน กล่าวว่า

ความเห็นนี้ตอบความเห็นข้างล่างเรื่องที่บอกอียูว่าอย่าเสือกเรื่องของประเทศไทย

สิทธิมนุษยชนสากลเป็นธุระของทุก ๆ คน เพราะมันเป็นสิ่งที่นับถือกันระดับนานาชาติ และเพราะประเทศไทยได้ลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสากลต่าง ๆ ที่อ้างว่าประเทศไทยมีความพิเศษ และกฎธรรมดาทั่วไปมาใช้กับประเทศไทยไม่ได้นั้น ถือว่าไม่ใช่คำตอบ สำหรับข้อความที่ว่า คนไทยทุกคนรักกษัตริย์ของพวกเขานั้น ก็ไม่จริงเสียทีเดียว หากจะเอาให้ตรงเป้าก็คือ มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะกษัตริย์กำลังจะจากไปในเร็ววันนี้และคนไทยจะต้องทนทุกข์ทรมาณกับเจ้าชายวชิราลงกรณ์ที่โหดร้ายและไม่อยู่กับร่องกับรอย ผู้ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้รักจริง ๆ มันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเปิดให้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผยถึงปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุด และด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมีเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งคนไทยจำนวนมากเรียกร้องหา ให้ชาวโลกยืนอยู่ข้างคนไทยที่เรียกร้องหากสิทธิในการจะถกกันถึงอนาคตทางการเมืองของพวกเขาเถิด--- แอน นอร์แมน



This comment is in response to the comments below the story telling the EU to mind its own business: "International human rights are everyone's business because they are international and because Thailand has signed onto the relevant international human rights treaties. 'Thailand is special' and 'the ordinary rules don't apply in Thailand' is not an answer. As for the statement, 'All Thais love their King,' that is not entirely true; however, more to the point, it is irrelevant because the King is going to be gone very soon and the Thais will have to endure the cruel and erratic Prince Vajiralongkorn, who they most certainly do not love. It's time for Thailand to openly discuss its very serious and immediate problems, and for that we need freedom of speech, which many Thais are now demanding. Let the world stand with the Thais demanding the right to discuss their political future." -- Ann Norman.

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

ก้าวข้ามความเกลียดชังด้วยวุฒิภาวะทางการเมือง

ดร.​ทักษิณ ชินวัตร ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของคุณยายสมบุญ เรืองศรี

ดร.​ทักษิณ ชินวัตร ส่งสาส์นแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของคุณยายสมบุญ เรืองศรี คุณยายนักประชาธิปไตย ที่ร่วมงานกิจกรรมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในอเมริกามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  


ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณยายสมบุญ เรืองศรี ทุกท่านด้วยนะครับ 

ขอบคุณท่านทักษิณ ที่มีน้ำใจละเอียดอ่อน ไม่ทอดทิ้งประชาชน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่ร่วมสู้กันมา ทุกกำลังใจจากมิตรร่วมทัพเป็นสิ่งมีค่าอย่างยิ่ง

สองปีหลังรัฐประหาร ความทุกข์ร้อน ยิ่งท่วมท้น บนความแตกแยกทางการเมืองแบบสุดขั้ว

Two years after coup, democracy in Thailand still not within reach

Unhappiness with the coup-makers has mounted across the deep political divide


http://www.scmp.com/news/asia/southeast-asia/article/1950990/two-years-after-coup-democracy-thailand-still-not-within



ประเทศไทย มีการสังหารผู้ปกป้องทรัพยากรและผลประโยชน์สาธารณะมากที่สุดในโลก เลยทีเดียว

Murdered After
Defending Thailand's
Environment

By Seth Mydans May. 23, 2016 May. 23, 2016 Comment
  • Thailand is among the world's most dangerous countries in which to oppose powerful interests that profit from coal plants, toxic waste dumping, land grabs or illegal logging. Some 60 people who spoke out on these issues have been killed over the past 20 years, although few perpetrators have been prosecuted in a culture in which powerful people have the last word and professional killers are easy to find.

อ่านต่อที่ 

http://lens.blogs.nytimes.com/2016/05/23/murdered-for-defending-thailands-environment/?_r=0