Saturday, May 21, 2016

WHY DOES THAILAND NEED AN ARMY?

WHY DOES THAILAND NEED AN ARMY?

Giles Ji Ungpakorn
-
In a recent newspaper column Ajarn Niti Eauwsiwong posed the question: "what is the purpose of having the military?" Naturally, this provoked a storm of abuse from the rather dim Generalissimo and his various underlings. Prayut lost it again (has he ever not lost it?) and shouted that the military were there so that "dogs" like those in academia and the media could ask the question.
-
Some people have mistakenly characterised the military, in the case of the authoritarian regimes like Suharto's Indonesia or Burma, as a "state within a state". This is misleading and not actually true. The assumption is that the military have somehow "usurped" state power. However, the military, or the "special bodies of armed men", are an integral part of the modern capitalist state and this state can take many political forms. In the recent past, states in Western Europe have been both democratic and authoritarian. Spain, Italy and Germany were once fascist dictatorships.
-
The dominance of the military in the political control of the state in Suharto's Indonesia or in Burma is not a deviation from the capitalist state form, it is just one form which reflects the weakness of other competing ruling class factions in the face of tensions and crises within society.
-
Today, Thailand is ruled by a military dictatorship and even when the military are not in government they have had varying degrees of influence. But never imagine for a moment that Prayut would be able to stage his military coup and cling on to power if he did not have the backing of other sections of the Thai ruling class; the capitalists and elite bureaucrats. Together with the military generals these elites form the ruling class. They are both a bunch of rival factions but also united in their determination to cling to class power. The King is their symbol to socialise class unity and nationalism among the citizens over whom they rule. When socialisation does not work they use lèse-majesté or brute force.
-
Recently the generals have been barking, in response to Ajarn Niti's question, that the military is "the fence" guarding the country. The problem is that ordinary citizens are not located within such a fence. It is exclusively for the ruling class. What is more, the Thai military has failed abysmally to ever defend the country from outside invasion. In the Second World War they quickly surrendered to the Japanese. In the time of imperialist expansion, they were powerless in the face of the British and the French.
-
So what is the purpose of the Thai military?
-
The short answer is that it has two main functions.
-
The first function is to protect ruling class rule from challenges by mass movements to expand the democratic space. All the weapons, tanks and other military equipment used by the military have been used in anger against citizens. In Bangkok they shot down demonstrators in 1973, 1976, 1992 and 2010. They have waged a civil war against the communists who sought a more egalitarian society and they are currently engaged in a vicious war in the Patani to prevent Malay Muslim self-determination. They have also occasionally staged military coups in order to "hold the line" against civilian political threats. But more often than not military coups have been about military self-interest, which brings me to the military's second purpose.
-
The second purpose of the Thai military is to satisfy the sheer greed of the officer corps. Even when not in political power, the military provides rich and corrupt pickings for those in the top ranks. Corruption from weapons purchases, excess state funds for military activities and the chance to sit on the executive boards of state enterprises, all go to lining their pockets. Add to this the illegal trade in narcotics, human trafficking and other mafia type activities. And when they are in political power like now, the opportunities for enrichment are unlimited.
-
The effect of this nasty parasitic organisation is to act as a barrier to political progress and to divert important resources from the health, education and general well-being of most citizens.




6 ปี"ราชประสงค์" ที่นี่...ทหารฆ่าประชาชน.


6 ปี"ราชประสงค์" ที่นี่...ทหารฆ่าประชาชน.
jom voice

Published on May 19, 2016

รายการ เสียงไทย เพื่อเสรีภาพคนไทย ( Thaisvoicemedia ) ขอร่วมสดุดีและร่วมรำลึก วีรชนประชาธิปไตยนิรนาม ที่บาดเจ็บ ล้มตาย จากฝีมือการเข่นฆาของทหาร ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่ ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา ด้วยบทเพลง "นักสู้ธุลีดิน" ของ จิ้น กรรมาชน.

ทรราช คสช. “ช็อปกระจาย” อาวุธค่ายจีน-รัสเซีย

จับตารัฐบาลทรราช คสช. "ช็อปกระจาย" อาวุธค่ายจีน-รัสเซีย จัดหนักทั้งรถถังและเฮลิคอปเตอร์!!! ผลาญงบประมาณ หลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งรอคิว เรือดำน้ำอีก 3 .3 หมื่นล้าน ในขณะที่ ประชาชนทั้งประเทศ อดอยาก ยากจน

----------------------------------------------------------------------------

Y BOURNE

ON MAY 18, 2016

Ispace thailand

-
เป็นข่าวลือกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วสำหรับการจัดซื้ออาวุธล็อตใหม่ของกองทัพไทย ก่อนจะเป็นที่ชัดเจนโดยการยืนยันจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ว่ากองทัพบกได้เสนอโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบ Mi-17V5 จากรัสเซีย และรถถังแบบ VT-4 จากประเทศจีนมาใช้งาน โดยอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

-
"ผมเชื่อมั่นกับราคาคุณภาพและประสิทธิภาพของรถถัง vt-4 ของจีนว่ามีความเหมาะสมโดยผ่านคณะกรรมการของกองทัพบก ผมไม่ได้ดูคนเดียว ซึ่งผมส่งเจ้าหน้าที่ไปดูหลายรอบ ทั้งทหารม้าและทุกๆ ส่วนไปร่วมกันพิจารณา" พล.อ.ธีรชัย กล่าว

-
กองทัพบกได้เสนอความต้องการ ฮ.แบบ Mi-17V5 ไปทั้งหมด 12 ลำ โดยคาดว่าจะมีการสั่งซื้อเป็นงบผูกพัน 3 ปี ปีละ 4 ลำ ด้านรถถัง VT-4 จากจีนนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดจำนวน และราคาที่แน่ชัด แต่มีรายงานจากแหล่งข่าวต่างประเทศว่ากองทัพบกมีการสั่งซื้อรถถัง VT-4 ล็อตแรกจำนวน 28 คัน โดยความต้องการรถถังเพื่อทดแทนรถถังรุ่นเก่าของกองทัพไทยนั้นมีประมาณ 150-200 คัน
-

สำหรับโครงการจัดซื้อรถถัง VT-4 จากจีนนั้น ถือเป็นการสั่งซื้อรถถังหลักครั้งที่สองในรอบ 5 ปี หลังจากที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อนุมัติการสั่งซื้อรถถัง T-84 Oplot-M จากประเทศยูเครน จำนวน 49 คัน โดยอนุมัติในวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ภายใต้วงเงินงบประมาณ 7,200 ล้านบาท

-
โดยรถถัง Type 69II นั้นก็เป็นรถถังที่จีนก็อปปี้มาจากรถถังแบบ T-59 ของโซเวียตอีกทีหนึ่ง และหลังจากที่ได้รับของราคาถูก Made in China มาแล้ว ก็ทำให้กองทัพไทยรู้ว่าของถูกและดีมันไม่ได้มีเสมอไป เพราะรถถังจีนรุ่นดังกล่าวประสบปัญหาการซ่อมบำรุงทั้งเครื่องยนต์ และอะไหล่อย่างมาก ถึงขนาดเคยจอดพังยกกองพันกันมาแล้ว แม้ว่าต่อมาจีนจะมีการซ่อมบำรุงให้โดยไม่คิดมูลค่า ทำให้กลับมาใช้งานได้จำนวนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องปลดประจำการไปอยู่ดี โดยภารกิจสุดท้ายของรถถัง Type 69II ของไทยก็คือ การส่งมอบรถถังดังกล่าวจำนวน 25 คันให้แก่กรมประมงเพื่อใช้ทิ้งลงใต้ทะเลเป็นแนวปะการังเทียม!!!
-

ในขณะที่รถถัง T-59 ของโซเวียตต้นแบบนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แม้จะต้องซ่อมบำรุงแต่ก็ยังมีความพร้อมรบที่สูงกว่า ยกตัวอย่างเช่น รถถัง T-59 ของกัมพูชา ที่ยังคงประจำการและมีความพร้อมรบอยู่ในปัจจุบัน
-

นอกเหนือจากรถถังและเฮลิคอปเตอร์แล้ว กองทัพอากาศไทยก็ยังมีแผนการจะจัดหาเครื่องบินรบเพิ่มเติม โดยสำนักข่าวซินหัว(Xinhua) รายงานว่ากองทัพอากาศไทยอาจมีการสั่งซื้อเครื่องบินรบแบบ JAS 39 Gripen เพิ่มอีก 4 ลำ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ถูกปฏิเสธจากคณะทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และยังถูกต่อต้านจาก NGO ภายในประเทศของสวีเดนอีกด้วย โดยเฉพาะประเด็นการขายอาวุธให้แก่ประเทศที่ไม่ได้ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งรายได้จากการขายอาวุธก็คือเงินภาษีจากประชาชน ซึ่งกำลังถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
-

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็กำลังอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศรัสเซีย โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าการซื้ออาวุธ เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะมีการพูดคุยกับรัสเซีย

-
แน่นอนว่าการซื้ออาวุธให้กับกองทัพเพื่อทดแทนอาวุธเก่าที่เสื่อมสภาพ ย่อมเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น แต่ความโปร่งใสตรวจสอบได้ ประสิทธิภาพ ใช้งานได้จริงก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน นอกจากนี้การใช้งบประมาณเพื่อการซื้ออาวุธในช่วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นนี้ ก็ยิ่งต้องพิจาณาถึงความจำเป็นด้วย เพราะภัยที่ประเทศกำลังประสบคือปัญหาเศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยอาวุธ!!!

-
Reference

-

Friday, May 20, 2016

“รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้”

"รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"
https://www.youtube.com/watch?v=nxtDrJFhMs4&feature=youtu.be


การสตรีมเริ่มต้นเมื่อ 1 ชั่วโมง ที่ผ่านมา


เสวนาทางวิชาการ "รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"


วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559 เวลา 13.00-16.30 น.


ณ ห้องอเนกประสงค์ริมน้ำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

บรรยายพิเศษ เรื่อง "ทำไมต้องมีรัฐธรรมนูญ"


โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ

เสวนาวิชาการ เรื่อง "รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"
โดย ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
รศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายบารมี ชัยรัตน์ สมัชชาคนจน
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 
รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


บรรยายพิเศษ "ร่างรัฐธรรมนูญในทัศนะของคณะนิติราษฎร์"
โดย ผศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อ.ปูนเทพ ศิรินุพงศ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


จัดโดย


โครงการบัณฑิตศึกษา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
โครงการรัฐศาสตร์เสวนา หลักสูตรการเมืองและการจัดการปกครอง ภาควิชาปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

คำมั่นสัญญาของรัฐบาลทรราช คสช.ที่จะคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนไทย แต่……….หลอกลวง

คำมั่นสัญญาของรัฐบาลทรราช คสช.ต่อประชาคมระหว่างประเทศที่จะคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนไทย แต่..........หลอกลวง

------------------------------------------------------------------------------


ยูพีอาร์เป็นกลไกยูเอ็น แต่ขับเคลื่อนด้วยประชาชนในประเทศ

อกนิษฐ์ หอรัตนคุณ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
เผยแพร่ครั้งแรกใน "มติชนสุดสัปดาห์" วันที่ 20 พ.ค. 2559

          ผ่านไปแล้วสำหรับเวทีการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนหรือยูพีอาร์  (UPR – Universal Periodic Review) รอบประเทศไทย โดยรัฐสมาชิกยูเอ็นมากกว่า 100 ประเทศ ที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม รัฐบาลไทยได้ตอบรับให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ 181 ข้อ ที่รัฐบาลประเทศอื่นเสนอให้ไทยปฏิบัติตามเพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ไทยรับข้อเสนอแนะที่สำคัญ เช่น ผ่านกฎหมายเพื่อปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย ให้สัตยาบันอนุสัญญาเลือกรับเรื่องต่อต้านการทรมาน คุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ และเสรีภาพสื่ออย่างเต็มที่ คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ออกแผนการระดับชาติเพื่อให้ภาคธุรกิจและบรรษัทคุ้มครองสิิทธิมนุษยชน รวมถึงการกระจายการศึกษา กำจัดความยากจน เข้าถึงสาธารณสุข และคุ้มครองกลุ่มบุคคลเปราะบาง

          อย่างไรก็ดี ยังมีข้อเสนอแนะอีก 68 ข้อ ที่คณะผู้แทนไทยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับไปทำหรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นเผือกร้อนและเป็นเรื่องสิทธิพลเมือง ที่น่าสนใจ เช่น การไม่นำพลเรือนขึ้นศาลทหาร การแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งคสช. ต่างๆ โดยเฉพาะคำสั่งที่ 3/2558 และ 13/2559 การทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพการแสดงออก การยกเลิกการควบคุมตัวโดยพลการหรือมาตรการปรับทัศนคติ การยกเลิกโทษประหารชีวิต และการให้สถานะผู้ลี้ภัย รัฐบาลไทยมีเวลาเหลือน้อยกว่าสี่เดือนในการให้คำตอบก่อนจะถึงวาระการประชุมนัดหน้าที่คณะมนตรีฯ ในเดือนกันยายน

          ผู้เขียนพอจะมีข้อสังเกตดังนี้

ยูพีอาร์คือการเมืองระหว่างประเทศ

          ข้อเสนอแนะจากรัฐบาลประเทศต่างๆที่มีต่อไทย แน่นอนว่าใช้กรอบมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเป็นตัวตั้ง แต่การสร้างข้อเสนอแนะต่างๆอยู่บนพื้นฐานของการเมืองระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ ผลประโยชน์ และยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของรัฐบาลต่างๆที่มีต่อไทยทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ สมดุลอำนาจ รวมถึงจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศและประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศนั้นๆเอง เป็นเวทีที่น่าสนใจสำหรับศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆที่มีต่อไทย

          เมื่อกวาดตาในภาพรวม เราพอจะเห็นบล็อกของกลุ่มประเทศต่างๆ ต่อจุดยืนทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนที่มีต่อความสัมพันธ์กับไทย เช่น กลุ่มประเทศตะวันตก โดยเฉพาะประเทศเครือสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ที่แน่นอนว่ามาพร้อมกับข้อเสนอแนะที่เข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิพลเมืองภายใต้รัฐบาลทหาร กลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชียที่ให้ข้อเสนอแนะด้านสิทธิทางเศรษฐกิจและสังคม และไม่ก้าวก่ายเรื่องสิทธิพลเมืองมาก ยกเว้นบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการทำงานสร้างความสัมพันธ์ของสถานทูตไทย แต่ที่ผู้เขียนสนใจคือกลุ่มประเทศแอฟริกา เช่น คองโก เซียร์ร่าลีโอน หรือบอตสวานา และกลุ่มประเทศละตินอเมริกา เช่น คอสตาริกา ชิลี หรือโคลอมเบีย ที่ให้ข้อเสนอแนะที่เข้มข้นในเรื่องสิทธิพลเมือง โดยเฉพาะการคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกและเสรีภาพสื่อ แสดงถึงการที่กลุ่มประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ภายใต้รัฐบาลทหารของไทย ที่มาจากพื้นฐานทางการเมืองของประเทศเหล่านี้เอง และระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับไทย

คำมั่นสัญญาที่จะคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกและการทรมาน

          หลายประเทศในเวทีคณะมนตรีฯ อาทิ ออสเตรีย เกาหลีใต้ และสาธารณรัฐเชค แสดงความกังวลเรื่องบรรยากาศเสรีภาพการแสดงออกก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคม และการข่มขู่และคุกคามนักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักข่าว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คณะผู้แทนไทยตอบรับข้อเสนอแนะที่มาจากมากกว่า 10 ประเทศ ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิที่จะเสรีภาพในการแสดงออก การแสดงความคิดเห็น และเปิดเสรีภาพการดีเบทโต้เถียงในบรรยากาศก่อนการลงประชามติ รวมถึงในช่วงสี่ปีครึ่งนับจากนี้จนถึงยูพีอาร์รอบหน้า นับเป็นการแสดงคำมั่นสัญญาของรัฐบาลไทยต่อประชาคมระหว่างประเทศที่จะคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนไทย ซึ่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องทำงานกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เพื่อแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมระหว่างประเทศถึงคำมั่นสัญญาของคณะผู้แทน

          อย่างไรก็ดี ยังมีข้อเสนอแนะเป็นจำนวนมากในเรื่องสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกที่ยังรอการตัดสินใจจากรัฐบาลไทย เช่น ข้อเสนอจากเยอรมัน ไอซ์แลนด์ ลัตเวีย สวีเดน หรือสเปน ในเรื่องการปรับแก้ไขกฎหมายภายในที่ยังไม่เป็นไปตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทยเป็นรัฐภาคี โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่่นประมาทที่นำไปสู่โทษอาญา เช่น มาตรา112 (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) 116 (ยุยงปลุกปั่น) 326 และ 328ของประมวลกฎหมายอาญา และพรบ. อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากกฎหมายเหล่านี้มีความเสี่ยงที่อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อคุกคามหรือหยุดยั้งนักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และกลุ่มบุคคลที่เห็นต่างจากรัฐบาล แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนลเองเรียกร้องให้ไทยยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่ว่าด้วยการหมิ่นประมาทดังกล่าวที่ไม่ควรเป็นโทษอาญา

          เป็นที่แน่นอนว่า หากไทยประกาศไม่รับข้อเสนอแนะที่ยังเหลือว่าด้วยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวที่ไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก ย่อมทำให้ข้อเสนอแนะที่ไทยประกาศรับไปแล้วในเรื่องการคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกและเสรีภาพสื่อก่อนหน้า ไม่สอดคล้องและไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

          อย่างไรก็ดี การที่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะมนตรีฯ ว่าไทยตั้งใจที่จะผ่านร่างพรบ.ปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสมดุลในทางสร้างสรรค์แก่คณะผู้แทนไทย และเป็นไปตามข้อเสนอแนะจากหลายประเทศในเรื่องการปราบปรามการทรมาน อย่างไรก็ดี ร่างพรบ.ฉบับดังกล่าวในปัจจุบันขณะที่บทความนี้กำลังร่าง (15 พฤษภาคม) ยังไม่ผ่านการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และองค์ประกอบของคณะกรรมการฯที่ร่างพรบ.นี้จัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบและสอบสวนการทรมาน ยังไม่มีความเป็นกลางและเป็นอิสระตามที่อนุสัญญาต่อต้านการทรมานระบุข้อกำหนดไว้

ยูพีอาร์เป็นกลไกยูเอ็นแต่ขับเคลื่อนด้วยประชาชนในประเทศ

          แน่นอนว่ายูพีอาร์เป็นกลไกทางการเมืองที่ใช้แรงกดดันจากรัฐสมาชิกยูเอ็นในการให้ข้อเสนอแนะต่างๆแก่รัฐบาลไทย ซึ่งไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมายระหว่างประเทศ การที่กลไกที่มีลักษณะการทูตเช่นนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางรูปธรรมได้ เป็นที่แน่นอนอย่างน้อยสำหรับผู้เขียนว่า ยูพีอาร์ต้องขับเคลื่อนด้วยประชาชนในประเทศเป็นสำคัญ ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดที่ผู้เขียนสังเกตได้ระหว่างยูพีอาร์รอบที่แล้วเมื่อปี 2555 กับรอบนี้ นอกจากสถานการณ์ทางสิทธิมนุษยชนในไทยที่เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ในรอบนี้มีคนหลายกลุ่มในประเทศไทยที่ให้ความสนใจยูพีอาร์ อาทิ มีกลุ่มหรือองค์กรในประเทศจัดงานถ่ายทอดสดเวทีคณะมนตรีฯ ในจังหวัดต่างๆ เช่น ปัตตานี เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ สื่อมวลชนให้ความสนใจและรายงานความเคลื่อนไหวจากเวทีดังกล่าว ผู้ใช้โซเชียลมีเดียแชร์เรื่องราวให้เพื่อนในโลกออนไลน์อ่าน ปรากฎการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเด่นชัดในยูพีอาร์รอบแรก การดึงกลไกยูเอ็นระดับเจนีวาลงมาสู่ประเทศไทย เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้กลไกการทูตเช่นนี้สร้างผลกระทบในทางรูปธรรมได้

          สิ่งที่ประชาชนอย่างผู้เขียนและคุณผู้อ่านทำได้ก่อนคือ ติดตามในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายนที่จะถึงว่า รัฐบาลไทยจะรับข้อเสนอแนะเพื่มเติมอีก 68 ข้อหรือไม่ ถ้าไม่รับข้อใด รัฐบาลไทยต้องมีคำอธิบายชี้แจงอย่างละเอียดว่าเหตุใดถึงรับไม่ได้ และกำหนดกรอบระยะเวลาในการลงมือปฏิบัติตามข้อเสนอแนะแต่ละข้อ ที่น่าสนใจคือ ข้อเสนอแนะว่าด้วยสิทธิพลเมืองหลายข้อที่ยังเหลือค้างอยู่นั้น หลายข้อไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทางการเงินเพิ่มเติมอย่างสำคัญ แต่ใช้ความเป็นผู้นำทางการเมืองที่ดีในการตัดสินใจ และใช้ความตั้งใจของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชนไทย

          โดยคุณสามารถเสิร์ชกูเกิ้ลได้นับแต่ตอนนี้ ลงคีย์เวิร์ด "UPR Thailand" เลือกลิ้งก์ที่ขึ้นเป็นอันดับแรกของ OHCHR (สำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ) เพียงเท่านี้ คุณก็เข้าถึงเอกสารและคลิปวีดีโอที่วีดีโอที่เกี่ยวข้องทุกชิ้นและติดตามกระบวนการยูพีอาร์ได้นับแต่บัดนี้กระบวนการยูพีอาร์ได้นับแต่บัดนี้

          วีดีโอที่เกี่ยวข้องทุกชิ้น และติดตามกระบวนการยูพีอาร์ได้นับแต่บัดนี้




ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ตอแหล เศรษฐกิจถือว่าเป็นขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี

ไอ้ตูบ ประยุทธ์ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันว่า มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการเติบโตเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.2% ถือว่าขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี โว..ทั้งที่เศรษฐกิจโลกก็ยังมีปัญหา 
-

ทั้งเห่าหอน ตามประสาหมาจรจัด ว่า ถ้าย้อนกลับไปช่วงก่อนที่ ทรราช  คสช.เข้ามายึดอำนาจ ทำรัฐประหาร ยังเป็นอัตราติดลบอยู่  ทั้งมโน แสดงว่า รัฐบาลทรราช คสช.กำลังแก้ปัญหาได้ค่อนข้างจะถูกวิธีแล้ว 
-

ไอ้ตูบ ยังโกหก ตอแหล ต่ออีกว่า ถือว่าเป็นข่าวดี โดยเชื่อว่ากลไกประชารัฐเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน เรื่องนี้ตนเป็นคนสั่งให้เกิดขึ้นมาเอง ทั้งนี้ ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจข้ามชาติที่คนมองว่าเอื้อประโยชน์ ซึ่งมันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาก็ว่าไป 
-

วันนี้ต้องนำเขากลับมาเพื่อจะส่งเสริมภาคประชาชนให้ได้ เอาเอกชนนักธุรกิจเข้ามาจัดคณะทำงานแล้วก็มาขับเคลื่อนจะเห็นได้ว่าวันนี้มีการจัดตั้ง บริษัทประชารัฐส่วนกลาง และส่วนประจำพื้นที่ ปีนี้ต้องมีครบทุกจังหวัด เพื่อเป็นช่องทางทางการตลาด แล้วก็การสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน แต่ช่วงแรกนี้ภาคธุรกิจเอกชนก็จะมาช่วยให้บริหารในระยะแรกแล้วก็การลงทุนจะเป็นของภาคประชาชน ในสัดส่วนที่เหมาะสม และวันหน้าก็จะถอนตัวออกไป อย่าไปกลัวว่าเขาจะมารวบรวมผลประโยชน์ของประชาชน มาหลอกกันอีก ซึ่งเขาทำไม่ได้ เพราะตนไม่ให้ทำ  ไอ้ตูบเห่า
-

หากเรามาย้อยดู ความฉิบหาย ที่ ทรราช คสช. ได้สร้างไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ค่าดำเนินการ หรือค่าที่ปรึกษา ในการซื้ออาวุธ สงคราม จาก รัฐเซีย หรือ รถถังจากจีน ก็ล้วนแล้วแต่ เป็นการโกงชาติ และถือว่าเป็นการ คอรัปชั้น อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังอดยาก อยากจน และไร้ซึ่ง หลักสวัสดิการสังคม ที่ พึงจะได้รับ
-

การโหกหตอแหลของ ไอ้ตูบ ดูเหมือนจะสร้างลอยด่างใว้ให้กับ กองทัพ บก  อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และชาติจะถึงจารึก ความระยำของ ทรราช คสช. อีกนานเท่านาน ถึงแม้ว่า จะมีการปิดกั้น ในข้อมูลข่าวสาร ในการตรวจสอบ แต่ ก็เป็นที่รู้วันว่า ราคาที่ ไอ้ตูบจัดซื้ออาวุธ ด้วยข้ออ้างว่า เรายังผลิตเองไม่ได้ นั้น แพงกว่าท้องตลาดถึง 187 % 
-

หันมามอง ภาวะเศรษฐกิจ ต่ำดิ่งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในรอบ 50 ปี 
-

เรื่องการบริหารเศรษฐกิจของทรราช คสช.เรียกได้ว่า มีอำนาจ และโอกาสในการใช้อำนาจนั้น สร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับประเทศไทย แต่เอาเข้าจริง บริหารแบบ หมาไม่แดก 
-

รัฐบาลทรราช คสช. ใช้เสียงข้างมากในสภาที่มีพฤติกรรมเผด็จการรัฐสภา ใช้อำนาจบาตรใหญ่แก้ไขกฎเกณฑ์ จ้องแก้กฎหมาย แล้วออกนโยบายมาทำลายโครงสร้างเศรษฐกิจหลายๆ เรื่องจนล้มเหลวไม่เป็นท่า
-

ทรราช คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ  มีการออกประกาศฉบับที่ 75/2557 ตั้ง"คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ" หรือ SUPER BOARD ที่จะเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจไทยทั้ง 56 แห่ง เรื่องนี้รัฐบาลพรรคผสมสามารถทำได้แต่เป็นไปได้ยาก เพราะมีอุปสรรคในการฝ่า"ด่านการเมือง" จนอาจทำให้ความยากนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย 

   -             
หลายๆอย่างที่ซูเปอร์บอร์ด(บอด)สามารถทำได้เมื่อมีการแต่งตั้งแล้วคือ การมีหลักการบริหารวางรากฐานให้ดี ทบทวนบทบาท"ทุกรัฐวิสาหกิจ" เพราะหลายรัฐวิสาหกิจตั้งขึ้นด้วยพรบ.ที่ล้าสมัย หลายแห่งไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปแล้ว หลายแห่งต้องปฏิรูป หลายแห่งควรเป็นผู้แข่งขันเต็มตัวกับเอกชน ทั้งนี้ขึ้นกับบทบาทของแต่ละรัฐวิสาหกิจต่อการบริการประชาชน และหลายแห่งไม่ได้มุ่งทำงานตามพันธกิจขององค์กร เอาง่ายๆ ธอส.เน้นสงเคราะห์เรื่องอาคารบ้านเรือนให้ประชาชนจริงหรือไม่ ธนาคารSMEs เน้นให้บริการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมจริงหรือไม่ เหล่านี้ต้องยกเครื่อง

     -           
ประเด็นถัดมาทรราช  คสช.สามารถทำได้เลย แต่เท่าที่ดูมีแนวโน้มว่า จะเกิดขึ้นได้ยากเย็นทีเดียว นั่นคือการปรับ "เพิ่มภาษีนิติบุคคล"
-

อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อการคืนความสุขให้คนไทยใน "ระยะยาว" นั้นทรราช คสช.จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการให้มีการเริ่มดำเนินการให้ "กองทุนการออมแห่งชาติ" เริ่มต้นอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมเสียที หากแต่ความจริง ทรราช คสช. กลับ มุ่งแสวงหาผลประโยนช์ในคณะตน และ พวกเท่านั้น โดย ปล่อยวาง ประชาชน ที่เป็นคน ส่วนใหญ่ของประเทศ จนหมดสิ้น และใช้ถ้อยคำดูถูก ประชาชนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลอด 2 ปี

   -             
หลายๆ เรื่องต้องยอมรับว่า ประเทศไทยของเราไม่สามารถบริหารงานแผ่นดินแบบเดิมๆ ได้การยกเครื่องเป็นเรื่องสำคัญ ย้ำอีกครั้งว่าไหนๆ ทรราช คสช.มีอำนาจเต็มในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ในการบริหารงานเศรษฐกิจให้คนไทยแล้ว อย่าเอาแต่เรื่องครอบครัวของ ๕ณะ ทรราช คสช เท่านั้น  แล้วเอาความสุขให้กลับคืนสู่คนไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ เอาแต่เงินและยศถาบรรดาศักดิ์ ในกลุ่มก้อนของ ทรราช คสช.เท่านั้น 
-

มาวันนี้ไอ้ตูบ  ยังโกหก ตอแหลหน้าตายอีกว่าเศรษฐกิจดี  แล้วอย่างนี้ ประชาชน ทั้งประเทศจะทนให้ทรราช คสช. กดขี่และข่มเห่งต่อไปได้อย่างไร 

-
เสรีชน


บีบีซีไทยคุยกับสามนักกิจกรรมทางการเมืองเนื่องในวาระครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร ...



Download