Friday, May 20, 2016

นาซาเผยแพร่ภาพดาวอังคารโคจรเข้าใกล้โลก - บีบีซีไทย



Download

2ปี(ไม่)เสียของ

2ปี(ไม่)เสียของ

 

2 ปีการยึดอำนาจของ คสช.จากเป้าหมายที่ประกาศอย่างสวยหรูจะ "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" คืนความสุขให้ประเทศและประชาชน โดยเฉพาะการสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่วันนี้ดูเหมือนยิ่งเดินยิ่งไกลจากเป้าหมาย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำและความแตกแยก  รัฐประหารครั้งนี้ "เสียของ" หรือสอบผ่าน ประชาชนคือผู้ให้คำตอบที่ดีที่สุด

 

 

คนตายที่ไม่ถูกลืม!

 

เหตุการณ์พฤษภาเลือด 2553 ซึ่งมีคนตายถึง 99 ศพและบาดเจ็บพิการเกือบ 2,000 คนผ่านไป 6 ปี ขณะที่วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" ยังเป็นวาทกรรมเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ  "คนสั่ง" และ "คนฆ่า" ที่ยังลอยหน้าเป็นคนดี แต่ญาติพี่น้องผู้สูญเสียและประชาคมโลกไม่มีวันลืม

 

 

คลิกอ่าน "โลกวันนี้รายวัน"

ฉบับล่าสุด ศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 ได้ที่นี่

 

http://www.lokwannee.com/newspaper/20may2016.pdf

 

ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์

อ่านฟรี "โลกวันนี้รายวัน"

ได้ที่ www.LokWanNee.com

สิ่งที่สังคมพึงปรารถนา คือ "ความเงียบสงบ" มิใช่ "ความเงียบสงัด"

ถึง ผู้อ่านทุกท่าน

หวังว่าเราจะคิดตรงกันว่า 'ความเงียบ' ที่สังคมพึงปรารถนา คือ "ความเงียบสงบ" มิใช่ "ความเงียบสงัด"

ครบรอบ 24 เดือนหลังการรัฐประหาร จึงเป็นอีกวาระหนึ่งที่จะทบทวนบทเรียนจากการบริหารความเงียบและความดังในสังคมนี้ว่า คสช. มีวิธีการรับมือกับประชาชน ที่กำลังรอการคืนความสุขอย่างไร

ที่ผ่านมา แม้จะยกเลิกกฎอัยการศึกมาได้หนึ่งปีเศษ แต่การเปลี่ยนมาใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ที่ออกโดย "มาตรา 44" ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือบรรเทา การใช้อำนาจเพื่อปราบปรามประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออก อย่าง การชุมนุม การจัดงานเสวนา หรือแม้แต่การโพสต์สเตตัสเฟซบุ๊ก แต่อย่างใด

ซ้ำร้ายรูปแบบและวิธีการกลับพัฒนาตัวจนเข้มแข็งและเข้มข้นมากขึ้น นับจนถึงวาระ 24 เดือน ทหารวางระบบให้สถาบันของทหารเองมีอำนาจอย่างสมบูรณ์ครบทั้งวงจรของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่การจับกุม ควบคุมตัว สอบสวน ฟ้องคดี ตัดสินคดี และดูแลเรือนจำ

รายงานฉบับนี้มีความมุ่งหวังว่า สังคมจะได้รู้ ได้เห็น ถึงกลไกที่รัฐใช้เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเมื่อรัฐอ้างว่ามันเป็นไปตาม "กระบวนการยุติธรรมปกติ" ส่วนเมื่ออ่านแล้วผู้อ่านแต่ละคนจะเข้าใจและมีความเชื่ออย่างไรก็สุดแล้วแต่จะคิดเห็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน

ท่านสามารถอ่านบทสรุปรายงาน 24 เดือนคสช.: เมื่ออำนาจทหารอยู่เหนือระบบยุติธรรม ได้ที่ http://goo.gl/JehwFl

หรือ อ่านรายงานแต่ละส่วนได้ที่

http://goo.gl/NLoFsj >> เมื่อทหารทำตัวเป็นตำรวจ

http://goo.gl/30Wn1e >> เมื่อทหารทำตัวเป็นศาลและอัยการ

http://goo.gl/pkA73C >> เมื่อทหารทำตัวเป็นผู้คุม

http://goo.gl/L7Uz4m >> เมื่อทหารทำตัวเป็น "กองเซ็นเซอร์"
และ

http://goo.gl/mHUOZ3 >> เมื่อทหารไม่ได้คืนแต่ "ความสุข"
-

Cr. iLaw


บุญ จะสำเร็จได้ ก็ด้วยมือของพี่น้องและผองเพื่อนทุกท่า่น ครับ

บุญ จะสำเร็จได้ ก็ด้วยมือของพี่น้องและผองเพื่อนทุกท่า่น ครับ 

----------------------------------------------------------------------------

เนื่องด้วยวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 มีเหตุการณ์เนื่องด้วยพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น 3 ประการ คือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ เมื่อปี พ.ศ.2542 ประกาศยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็น วันสำคัญสากลของโลก ในปี พ.ศ.2559 นี้ 

-
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม วัดพระธรรมกายและกัลยาณมิตรทั่วทั้งโลกจึงจัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาโดยภาคเช้าเป็นพิธีตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 3,000 รูป โดยมีพระครูวินัยธรไพบูลย์ ธัมมวิปุโล ผู้ช่วยเจ้าอวาสวัดพระธรรมกาย เป็นประธานสงฆ์ ภาคสาย พุทธศาสนิกชนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและเจริญสมาธิภาวนา ภาคบ่าย เป็นพิธีอุปสมบทอุทิศชีวิตของสามเณร จำนวน 17 รูป ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย ได้รับความเมตตาจากพระมหาโพธิวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม (ป.ธ.9, ราชบัณฑิต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ภาคค่ำ เป็นพิธีจุดวิสาขะประทีปถวายเป็นพุทธบูชาและเวียนประทักษิณรอบองค์พระประธาน

-
นอกจากนี้ต่างประเทศยังได้จัดกิจกรรมงานวิสาขบูชาเช่นกัน อาทิ 

วัดพระธรรมกายสิงคโปร์ 

วัดพระธรรมกายโตเกียว 

ศูนย์ปฏิบัติธรรมกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย,

วัดพระธรรมกายเมลเบิร์น 

ศูนย์ปฏิบัติธรรมอินโดนีเซีย 

ศูนย์ปฏิบัติธรรมมองโกเลีย 

วัดพระธรรมกายปารีส, 

วัดพระธรรมกายลอนดอน,

วัดพระธรรมกายนิวเจอร์ซี่,

วัดพระธรรมกาย ดี.ซี. 

วัดพระธรรมกายฟลอริดา,

วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนียร์ เป็นต้น 

-
ที่น่าประทับใจคือรัฐบาลอินโดนีเซียมอบให้สมาคมวาลูบี้องค์กรพุทธในอินโดนีเซียจัดเฉลิมฉลองงานวิสาขบูชาอย่างเป็นทางการที่บุโรพุทโธ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติธรรมอินโดนีเซียได้ร่วมกับองค์กรพุทธจัดลอยโคมสันติภาพ 5,000 ดวง รวมถึงจัดธุดงค์ปฏิบัติธรรมรอบมหาเจดีย์บุโรพุทโธระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559นี้ 

-
สำหรับการบวชผู้นำอุบาสิกาแก้ว ฉลองสัปดาห์วันวิสาขบูชา ที่วัดพระธรรมกายระหว่างวันที่ 13 – 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมาก โดยผู้ที่ผ่านโครงการแล้วจะไปจัดบวชอุบาสิกาแก้ว 1 ล้านคนต่อไป

-
Cr. Matichon




ขอแรงพี่น้อง โปรดร่วมมือรวมใจ กันอีกครั้งเพื่อปกป้องพระศาสนา

อีกครั้ง พี่น้อง โปรด..... ร่วมใจปกป้อง หลวงพ่อ และพระศาสนา
-
สภาพในปัจจุบัน เราท่านก็ได้เห็นกันอยู่เต็มตา ถึง อำนาจของ ทรราช คสช. และเครือข่าย ที่ไม่ใช่มุ่งร้ายต่อแค่ประชาชนภายในชาติเท่านั้น
-
หากแต่ ทรราช คสช. ยังลุแก่อำนาจ หวังที่จะปล้นเงินของวัดพระธรรมกายอีกด้วย หากเราท่านอยู่เฉย ไฉนเลย เราจะมีศาสนาไว้พึ่งพิง
-
ทรราช คสช. มันต้องการแค่เงินบริจาค และเข้ายึด วัด พระธรรมกาย แม้วัด พระธรรมกายจะไม่มีความผิด แต่............ กลุ่มพวกมารศาสนาก็จะยัดข้อหาต่างๆนา ให้จงได้.............. แหละนั้นคือความจริง ที่ ทรราช คสช.3 และเครือข่ายได้ กระทำต่อประชาชน และ วัดพระธรรมกาย
-
เราท่าน สามารถหยุดการกระทำ ของ พวกมารศาสนาเหล่านี้ได้ ด้วยการร่วมลงชื่อ และร้องขอความช่วยเหลือจาก สหรัฐ อเมริกา
-
จงร่วมมือร่วมใจกันปกป้องพระศาสนา และวัดธรรมกาย
-
แค่ ลงชื่อและนามสกุล พร้อม Emailเท่านั้น เราท่านก็สามารถ หยุดความชั่วของ เหล่า ทรราช คสช. ได้แล้ว สำหรับช่องนี้
-
ตามรายละเอียดดั่งต่อไปนี้
-
เสรีชน


Needs 97,770 signatures by June 17, 2016 to get a response from the White House USA
*****************************************
Please share widely!!! ช่วยกันลงชื่อและส่งต่อให้มากที่สุด

Please sign this White House Petition to help Ven. Dhammajayo asap! If we get 100,000 signatures by June 17, President Obama and his administration will personally respond! Please verify your signature via email as well.

ขอเชิญลงชื่อในคำร้องของทำเนียบขาวเพื่อช่วยหลวงพ่อธัมมชโยค่ะ ถ้ามีคนลงชื่อถึง 100,000 คน ภายในวันอาทิตย์ที่ 17 เดือนมิถุนายน ท่านประธานาธิปดีโอบามาและคณะจะมาพิจารณาโดยตัวท่านเองค่ะ ตอนนี้ต้องการรายเซ็น 100,000 ชื่อ โดยเร็วที่สุด (กรุณายืนยันรายเซ็นทางอีเมลด้วยค่ะ) มาช่วยหลวงพ่อกันนะคะ ขออนุโมทนาบุญกับลูกหลวงพ่อทุกๆท่าน

โครงสร้างอำนาจที่ปกป้องคนผิดให้ลอยนวล (ตอนที่ 1)

โครงสร้างอำนาจที่ปกป้องคนผิดให้ลอยนวล  (ตอนที่ 1)

-
Thu, 2016-05-19 23:50

-
19-22 พฤษภาคม 2559 เป็นห้วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันระหว่างการครบรอบ 6 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 และครบรอบ 2 ปีการรัฐประหาร 2557 เรายังเห็นตัวละครมากหน้าหลายตาที่เกี่ยวพันกับการสลายการชุมนุมยังคงโลดแล่นบนเวทีการเมืองในบทบาทต่างๆ โดยที่มลทินจากอดีตไม่ส่งผลใดๆ และมือของกระบวนการยุติธรรมก็เอื้อมไปไม่ถึง
-
อันที่จริงไม่ใช่แค่เหตุการณ์ปี 2553 แต่ก็ทุกๆ เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519 นั่นแหละ สิ่งนี้คือวัฒนธรรมที่ฝังลึกอยู่ในสังคมไทย 'วัฒนธรรมการพ้นผิดลอยนวล' (Impunity) ที่ผู้มีอำนาจไม่เคยต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อความรุนแรงที่กระทำต่อประชาชน เพราะมีโครงสร้างอำนาจคอยโอบเอื้อให้สิ่งนี้คงอยู่
-
รศ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ จากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายกาารชุมนุม เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) คือผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการผลักดันให้มีการดำเนินคดีกับผู้สั่งการในกรณีพฤษภาคม 2553 และกรณีอื่นๆ
-
บทสนทนาต่อไปนี้จะฉายภาพให้เห็นว่า มีความพิกลพิการใดที่ทำให้ความยุติธรรมไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย
-
อาจารย์มาสนใจประเด็นการนำผู้สั่งการให้เกิดความรุนแรงกับประชาชนได้อย่างไร

พวงทอง: เราก็สนใจในฐานะนักศึกษาธรรมศาสตร์และนักกิจกรรม ตอนเป็นเด็กกิจกรรมก็ต้องจัดนิทรรศการ 6 ตุลาทุกปี เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารับรู้ประวัติศาสตร์การเมืองของไทยว่าคืออะไร ตอนปี 2535 ก็เป็นช่วงที่อยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงด้วย แต่เป็นช่วงที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ แต่ช่วงเหตุการณ์อยู่เมืองไทย พอหลังเกิดเหตุการณ์ไม่นานก็กลับไปเรียนหนังสือต่อ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้นหาความจริงเท่าไหร่ แต่มาแอคทีฟตอนกลับมาเป็นอาจารย์และเกิดเหตุการณ์ปี 2553 แต่ก็เป็นความรับรู้มาตลอดว่าสังคมไทย ผู้มีอำนาจทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิด ซึ่งเราก็รู้สึกได้เวลาที่เจอพวกญาติๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ แล้วก็เป็นความสนใจทางวิชาการด้วยที่เราสนใจเรื่องความรุนแรง

-
ความรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ มันเยอะ คุณอยู่ในประเทศนี้ ถ้าคุณสนใจการเมือง คุณจะรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเยอะมากๆ ในทุกระดับ ไม่ใช่แค่การเมืองส่วนกลาง คุณแตะไปตรงไหน คุณจะเจอปัญหาเรื่องความยุติธรรมเต็มไปหมด ความยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมด้วย ที่เกี่ยวกับกระบวนการทางการเมืองด้วย

-
การจะเอาชนชั้นที่กระทำผิดเข้าคุกได้ สังคมโดยรวมต้องมองประเด็นนี้ใหม่ด้วย ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับข้อมูล บางทีก็เป็นข้อมูลพื้นๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง อย่างกรณีอาร์เจนตินา เขาใช้เวลาต่อสู้ 30 ปีกว่าจะนำพวกผู้นำทหารที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มหายคนเกือบ 30,000 คนมาลงโทษได้ ตอนแรกคนก็ไม่สนใจ พวกแม่ก็ประท้วงทุกวันพฤหัสบดี ตอนบ่าย ตรงจตุรัสของเมือง พอรัฐบาลทหารลงจากอำนาจก็มีการนิรโทษกรรมโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะรู้สึกว่าต้องประนีประนอมกับทหาร กลัวทหารจะยึดอำนาจอีก

-
คุณอยู่ในประเทศนี้ ถ้าคุณสนใจการเมือง คุณจะรู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเยอะมากๆ ในทุกระดับไม่ใช่แค่การเมืองส่วนกลาง คุณแตะไปตรงไหน คุณจะเจอปัญหาเรื่องความยุติธรรมเต็มไปหมด

-
แต่ช่วงของการต่อสู้ มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ว่าเขาทำอะไรบ้างกับคนที่หายไป วันหนึ่งนายทหารคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเอาศพคนที่ยังไม่เสียชีวิตไปโยนทิ้งกลางทะเลก็ออกมา นี่เป็นวิธีหนึ่งที่อาร์เจนตินาทำ ก็คือคุณจับเขาไปขัง ทรมาน ซ้อม รีดข้อมูล เสร็จแล้วก็ฉีดยา ถอดเสื้อผ้าหมด พาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปโยนทิ้งกลางทะเล ซึ่งมีศพเป็นร้อยลอยมาเกยตื้นตามชายฝั่งของประเทศอาร์เจนตินาและประเทศเพื่อนบ้าน พิสูจน์ศพแล้วพบว่าตกลงมาจากที่สูง ทหารคนนี้ที่เกี่ยวข้องก็ทนไม่ได้หลังจากผ่านมา 20 ปี เขาฝันร้ายตลอดเวลา เพราะคนที่เขาทิ้งไปยังไม่ตาย บางคนก็สลึมสะลือ มันก็หลอนเขา ก็เกิดการรื้อฟื้นใหม่

-
บางทีข้อมูลพื้นๆ ที่ทำให้เห็นว่ามันโหดร้ายขนาดนี้ มันช็อกคน คนส่วนใหญ่ไม่ได้อยากรู้เรื่องราวความโหดร้าย แต่คนเหมือนถูกมอมยา อยากเชื่อว่าสังคมตัวเองดี แต่วันหนึ่งที่ข้อมูลถูกเปิดเผยมากขึ้น คนก็รู้สึกว่าการทำแบบนี้มันไม่ถูก อีกอย่างก็คือทหารหมดอำนาจ มีการขุดคุ้ยข้อมูลการคอร์รัปชั่น ความไม่โปร่งใส การเล่นพรรคเล่นพวก นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือแม้แต่การตัดสินใจผิดที่ทำสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์กับอังกฤษ คนก็ไม่พอใจรัฐบาลทหารมาก หมายความว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจจะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วไปกระทบส่วนอื่นๆ ด้วย

-
ในสังคมไทย วัฒนธรรมการพ้นผิดลอยนวลไม่ใช่แค่คนระดับอีลีท แต่มันแพร่กระจายไปในทุกระดับ เช่น ถ้าคุณถูกใบสั่ง คุณก็อาจให้เพื่อนช่วย ไม่ยอมเสียเงิน

พวงทอง: การทำแบบนี้ได้ทั้งในระดับล่างและระดับบน มันสะท้อนความเป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ สังคมนี้เป็นสังคมที่ใช้เส้นสายเยอะมากๆ แม้กระทั่งการไม่ต้องรับผิดก็เกี่ยวข้องกับระบบเส้นสาย แต่เป็นเส้นสายที่ใหญ่มากๆ เป็นเรื่องโครงสร้างอำนาจ

-
การนำคนมารับผิด การนิรโทษกรรม การปรองดอง ต่างก็มีความเกี่ยวพันกัน มีผลต่อกันเวลาปฏิบัติ เช่น จะปรองดองก็ต้องนิรโทษ ไม่เอาผิด หรือถ้าจะเอาผิดก็กลัวว่าจะไม่เกิดความปรองดอง เป็นความเกี่ยวโยงที่ซับซ้อนและเหมือนจะปะทะขัดแย้งกันอยู่ในตัว

พวงทอง: ดิฉันคิดว่าคนไทยเวลามองเรื่องปรองดองเป็นการมองที่คับแคบ คิดว่าการปรองดองคือการที่ไม่ต้องรื้อฟื้นสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมๆ กันไป อโหสิกรรมไป เพราะถ้ายิ่งไปติดตามเอาผิดกับคนที่ทำผิดจะยิ่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น เพราะคนที่ใช้ความรุนแรงนั้นมีเครือข่ายของตัวเอง ยังมีอำนาจอยู่ และแทนที่จะลงจากอำนาจ สมมติกรณีที่ทหารทำผิดแล้วพ่ายแพ้ในทางการเมือง ยอมลงจากอำนาจ ถ้าคุณไปเอาผิดเขา ในที่สุดเครือข่ายของเขาอาจจะไม่ยอม กลับมายึดอำนาจ นี่คือสิ่งที่สังคมไทยทำมาตลอด

แล้วคนที่มักจะเน้นย้ำประเด็นนี้คือคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงกับประชาชน อย่างกรณี 6 ตุลา คุณจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นนำฝ่ายขวาที่บอกให้ลืมๆ กันไป อย่าไปรื้อฟื้น อย่าไปขุดคุ้ย เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการปกป้องตัวเอง การพูดแบบนี้ คนไทยบอกว่านี่คือการปรองดอง แต่สำหรับดิฉันนี่คือการลงโทษเหยื่อซ้ำสอง เหยื่อในที่นี้ ไม่ใช่แค่ผู้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ แต่ต้องรวมญาติของเขาด้วย แล้วเขาต้องทนทุกข์อีกยาวนานหลายปี ญาติคน 6 ตุลา หลายคนยังเจ็บปวดอยู่เลยทั้งที่ผ่านมา 40 ปีแล้ว เขายังเจ็บปวดกับความยุติธรรมที่เขาไม่ได้รับ เท่ากับเขาโดนซ้ำสอง นอกจากสูญเสียคนที่เขารักแล้ว เขายังต้องก้มหน้ายอมจำนนกับความอยุติธรรมนี้อีก ดิฉันไม่ได้มองว่านี่คือการปรองดอง แต่เป็นการเหยีบย่ำเหยื่อครั้งที่สอง

การทำแบบนี้จะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้มีอำนาจในอนาคตไม่รู้สึกกลัวว่าจะต้องรับผิด แล้วก็จะทำอาชญากรรมกับประชาชนอย่างกว้างขวางได้อีก เพราะเชื่อว่าถึงที่สุดแล้ว วัฒนธรรมปรองดองแบบไทยๆ จะช่วยปกป้องคุ้มครองเขา และเขาก็เชื่อว่าเครือข่ายซึ่งอาจจะอยู่นอกเหนือตัวรัฐบาล นอกเหนือจากกองทัพ องค์กรทั้งหลายแหล่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมก็จะช่วยปกป้องเขาด้วย ดิฉันจึงมองไม่เห็นว่าวิธีการแบบนี้จะทำให้สังคมไทยหลุดพ้นจากการที่รัฐใช้อำนาจปราบปรามประชาชนตามอำเภอใจได้อย่างไร ดิฉันเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ตราบใดที่เราไม่สามารถจะเอาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงมาลงโทษได้

-
ทีนี้ เวลาที่เราพูดถึงการลงโทษ ดิฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นการลงโทษด้วยวิธีการเดียวเท่านั้น คือดิฉันก็ยังรู้สึกว่า โอเคล่ะ การปรองดองก็มีระดับหนึ่งที่จะต้องผ่อนปรนกันบ้าง ยืดหยุ่นกันบ้าง แต่มีหลักบางหลักที่ยืดหยุ่นไม่ได้ คือหลักที่คุณทำผิดแล้วต้องรับผิด แต่ว่าจะลงโทษหนักเบาอย่างไร ตรงนี้ถ้าคำนึงถึงการปรองดองก็อาจจะลดโทษของเขาลง สำหรับดิฉัน การปรองดองที่ดิฉันยอมได้คือต้องมีการดำเนินคดีอาญาที่โปร่งใส่ ทุกส่วน ไม่ว่าคุณจะเป็นจำเลยหรือโจทก์ ก็ต้องเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางและโปร่งใส และทำให้ประชาชนเห็นว่าคนที่ทำผิดนั้นทำผิดอย่างไร ต้องมีการตัดสินว่าทำผิด หลังจากนั้นถ้าสังคมรู้สึกว่าถ้าลงโทษเขาแรงจะนำไปสู่ความขัดแย้ง คุณก็อาจลดโทษ ผ่อนผัน จากจำคุกตลอดชีวิตเป็นขังไว้ในบ้านตลอดชีวิตก็ได้

-
การผ่อนปรนคือลักษณะนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำและทำให้คนที่ทำผิดนั้นยอมรับว่าตัวเองกระทำผิด

-
อย่าไปรื้อฟื้น อย่าไปขุดคุ้ย เรื่องมันผ่านมานานแล้ว...การพูดแบบนี้ คนไทยบอกว่านี่คือการปรองดอง แต่สำหรับดิฉันนี่คือการลงโทษเหยื่อซ้ำสอง เหยื่อในที่นี้ ไม่ใช่แค่ผู้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ แต่ต้องรวมญาติของเขาด้วย...ญาติคน 6 ตุลา หลายคนยังเจ็บปวดอยู่เลยทั้งที่ผ่านมา 40 ปีแล้ว เขายังเจ็บปวดกับความยุติธรรมที่เขาไม่ได้รับ

-
นิรโทษกรรมเหมาเข่งที่ผ่านมาคงเป็นตัวอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล แต่การนิรโทษกรรมก็นับว่าเป็นกระบวนการที่หลายฝ่ายเรียกร้อง คำถามคือเราจะนิรโทษกรรมอย่างไรที่จะไม่ส่งเสริมการพ้นผิดลอยนวล

-
พวงทอง: กรณี พ.ร.บ.เหมาเข่ง ตอนนั้นดิฉันก็ออกมาประณามพรรคเพื่อไทยด้วยว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการทรยศต่อประชาชน จนป่านนี้พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ออกมาขอโทษเลย ดิฉันเชื่อว่าประชาชน โดยเฉพาะญาติของผู้ที่สูญเสียรอคำขอโทษนี้อยู่ ถ้าคุณไม่ขอโทษ นี่จะเป็นตราบาปที่ติดตัวบรรดา ส.ส. ที่โหวตให้ พ.ร.บ.เหมาเข่งผ่าน

-
มันมีอยู่สองส่วน โดยใจจริงดิฉันแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อกลับมาทบทวนเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ดิฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย ในส่วนของแกนนำ ผู้นำที่เกี่ยวข้อง ดิฉันไม่เห็นด้วยอยู่แล้วที่ให้นิรโทษกรรม แม้กระทั่งในส่วนของประชาชนเอง การนิรโทษกรรมทุกคนโดยไม่ต้องพิจารณาว่าใครทำอะไรผิดมากน้อยอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกเหมือนกัน

-
ดิฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ที่ให้มีการตั้งคณะตุลาการพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีความทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประชาชน แล้วดูว่าคดีไหนที่อ่อนมากๆ มีเหตุจูงใจทางการเมือง หลักฐานมีปัญหา ซึ่งดิฉันมองว่าหลักฐานในคดีที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปมีปัญหาเยอะมากๆ คนเหล่านี้สมควรได้รับการนิรโทษกรรม โดยเฉพาะคนที่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปร่วมชุมนุม หรือถูกจับในเวลากลางคืน แล้วก็ถูกศาลตัดสิน หกเดือนบ้าง ปีหนึ่งบ้าง บางคนรอลงอาญาบ้าง คนเหล่านี้แม้จะหลุดออกจากคุกมาแล้วก็สมควรจะได้รับนิรโทษกรรม ความผิดที่ติดอยู่ในประวัติของเขาควรต้องถูกลบล้างออกไป เพราะคนเหล่านี้จะไม่สามารถรับราชการได้ถ้ามีคดีอาญาติดตัว

-
สอง-คนที่ยังติดคุกอยู่ในคดีอาญาข้อหาร้ายแรง กลุ่มของ ศปช. (ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายกาารชุมนุม เม.ย.-พ.ค. 53) ที่ทำรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ปี 2553 เราก็พบว่ามีหลายกรณีที่หลักฐานอ่อน มีปัญหามาก เช่นกรณีหนึ่งเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน) ยืนยันว่าตัวเขากับนายคนนี้เข้าไปร่วมกันดับไฟ แต่คนที่ว่าก็ถูกตัดสินจำคุก 34 ปี คนจำนวนมากที่ถูกข้อหาเผาศาลากลาง มันไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าเขาเป็นคนเผา แต่เขาอยู่ในบริเวณศาลากลาง มันมาจากรูปถ่ายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อพิจารณาแต่ละกรณีจะเห็นว่ามีหลายกรณีที่หลักฐานอ่อนมากๆ คนเหล่านี้สมควรได้รับการนิรโทษกรรม

-
แต่ถ้าในกรณีที่มีหลักฐานชัดเจน จะมากจะน้อย คนเหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบ เพราะนี่จะเป็นบทเรียนในอนาคตว่า ประชาชนเองก็ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้ง่ายๆ อีกต่อไป แต่ปัญหาก็คือว่าในกรณีของไทยที่ผ่านมา เวลานิรโทษกรรม เขานิรโทษกรรมให้กับคนมีอำนาจมากกว่า แล้วประชาชนก็ได้รับผลพลอยได้ไปด้วย คราวนี้ในกรณีเสื้อแดง ปี 2553 สิ่งที่เราเห็นคือประชาชนถูกลงโทษไปแล้ว ถูกตัดสินจำคุกไปเยอะมาก กรณี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นี่หลายร้อยรายเลย แล้วกรณีคดีอาญาร้ายแรงอย่างเผาศาลากลางก็ติดคุกไปแล้ว

-
กรณี พ.ร.บ.เหมาเข่ง ตอนนั้นดิฉันก็ออกมาประณามพรรคเพื่อไทยด้วยว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการทรยศต่อประชาชน จนป่านนี้พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ออกมาขอโทษเลย

-
หรือแม้กระทั่งกรณีเผาเซ็นทรัลเวิร์ลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดง ในที่สุดก็ยกฟ้องหมดเลยทุกคน ไม่มีคนผิดในกรณีนี้ ศาลก็ยืนยันว่าคนเสื้อแดงที่ถูกจับไม่เกี่ยวข้อง หลักฐานสำคัญที่ช่วยดีเฟนด์คนเหล่านี้ก็คือเจ้าหน้าที่ของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาเองที่เกี่ยวข้องกับระบบป้องกันอัคคีภัย เขาก็ยืนยัน แต่คนเหล่านี้ก็ถูกขังไปแล้วระหว่างพิจารณาคดีเป็นปี แต่คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าคนเสื้อแดงเป็นคนเผาเซ็นทรัลเวิร์ลอยู่ เพราะสื่อส่วนใหญ่ไม่ยอมเสนอ สื่อที่ต่อต้านคนเสื้อแดงไม่ยอมเสนอข้อมูลเหล่านี้ ไปถามคนกรุงเทพทั่วไปก็ยังเชื่อว่าคนเสื้อแดงเป็นคนเผาเซ็นทรัลเวิร์ลอยู่ ทั้งที่ยกฟ้องไปแล้ว

-
แล้วสรุปว่าใครเผา

-
พวงทอง: กรณีนี้หัวหน้าป้องกันอัคคีภัยของเซ็นทรัลเวิร์ลซึ่งเป็นตำรวจระดับพันตำรวจเอก เกษียณอายุแล้ว เขาบอกว่าลำพังคนเสื้อแดงไม่มีปัญญาเผาเซ็นทรัลเวิร์ลหรอก เพราะระบบป้องกันอัคคีภัยของเขาดีที่สุดในเอเชีย ใครเอาไฟมาจุด ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงาน เดี๋ยวมันก็ดับ เขามีระบบน้ำที่เข้มแข็งมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหารยิงใส่พวกเขา แม้กระทั่งตำรวจยังหนี ยังสู้ไม่ได้ แล้วพวกเขาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันอัคคีภัยถูกไล่ออกมาหมด ไม่ยอมให้อยู่ เขาบอกว่าถ้าปล่อยให้เขาทำงาน ไม่ไหม้หรอก เขาเอาอยู่แน่ๆ แล้วยังบอกว่ามีที่ไหนไฟไหม้อยู่เป็นชั่วโมง รถดับเพลิงยังไม่เข้ามา แล้วบริเวณเซ็นทรัลเวิร์ลตอนที่เกิดเพลิงไหม้นั้น ผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่หมดแล้ว

-
ดิฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอของนิติราษฎร์ พูดง่ายๆ คือเราไม่ไว้ใจกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ เห็นได้ชัดอย่างกรณีคดีของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ถูกโยนไป ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) จะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวกับคดีทางการเมือง มันมีปัญหาและถูกตั้งคำถามเยอะ แต่ที่ผ่านมามันเรียกร้องยากที่จะให้มีการตั้งคณะตุลาการพิเศษ เพราะว่าคนที่อยู่ในศาลก็จะไม่พอใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงชัดเจนว่าเราไม่ไว้ใจเขา ดังนั้น เวลานิรโทษกรรมก็เหมือนกับว่าครอบคลุมทุกคนในส่วนขอประชาชนยกเว้นแกนนำ แต่ถามว่าโมเดลแบบไหนที่ดิฉันคิดว่าดีที่สุดก็คือโมเดลแบบนิติราษฎร์ คือตั้งคณะตุลาการพิเศษขึ้นมาพิจารณารายคดี แต่ระหว่างที่พิจารณาคนที่ติดคุกอยู่ก็ต้องให้เข้าได้ประกันตัว

-
ยุครัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการเยียวยา 7.5 ล้านบาทให้แก่เหยื่อความรุนแรงทางในการชุมนุมทางการเมืองและกรณีความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้...

-
พวงทอง: การจ่ายค่าชดเชยเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยา แต่ไม่ใช่ทั้งหมด การจ่ายค่าชดเชย มันแก้ปัญหาหลายอย่าง หนึ่ง-เป็นการแสดงการรับผิดของรัฐ ถึงแม้ว่าคนที่เข้ามาเป็นฝ่ายบริหารต่ออาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปราบปราม แต่คุณทำหน้าที่สืบต่อกลไกอำนาจรัฐ เมื่อเขาสูญเสียจากกลไกอำนาจรัฐ รัฐก็แสดงความรับผิดชอบ สอง-คนที่เสียชีวิต หลายคนเป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัวหรือเป็นคนที่หาเลี้ยงครอบครัว เป็นลูกที่กำลังจะเรียนจบ นี่เป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจและก็กระทบต่อสภาพจิตใจของคนในครอบครัวด้วย ถ้าคิดในแง่เศรษฐกิจ เขาก็ควรได้รับสิ่งเหล่านี้ มีรายหนึ่งที่พิการ คือนอกจากจะเลี้ยงดูครอบครัวไม่ได้แล้ว ยังเป็นภาระด้วย เงินชดเชยนี้จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้

-
แต่มันไม่สามารถขจัดความทุกข์ได้ทั้งหมด มันมีกรณีที่ถูกยิง เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมเลย เขาเดินออกมาทานข้าวกันกับครอบครัวแถวคลองเตย ถูกยิงที่กลางหลัง พิการ อาชีพคือเข็นรถขายของ ลูก 2 คนยังเล็กอยู่ ลูกไปโรงเรียน ภรรยาต้องดูแลสามีที่นอนพิการอยู่ที่บ้าน รายได้มาจากไหน ต้องหาหมอทุกวัน เงินชดเชยเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้สามชีวิตในครอบครัวพอจะไปต่อได้ ซึ่งในที่สุดเขาก็เสียชีวิต

-
แต่ 7.5 ล้านก็มาพร้อมกับท่าทีว่า ให้จบๆ กันไปซะ

-
พวงทอง: มันมีหลากหลายอารมณ์ ส่วนของญาติบอกว่าไม่จบแน่ อีกอันหนึ่งเงินนี้ยังช่วยให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่สูญเสียลูก ด้านหนึ่งทำให้เขามีเวลา มีโอกาส คนกลุ่มนี้ส่วนมากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ขาดรายได้ไปวันหนึ่งก็ลำบากแล้ว แต่เงินส่วนนี้ อย่างน้อยที่สุดยังทำให้เขาสละเวลาจากการหาเช้ากินค่ำมาเคลื่อนไหว เรียกร้อง ประท้วงได้ อันนี้สำคัญ ถ้าญาติไม่ทำ เรื่องเหล่านี้จะหายไปจากสังคมไทยเร็วมาก
-

ส่วนของเราเองก็ยืนยันว่าไม่จบ นี่เป็นแค่ส่วนเดียวเท่านั้น บางกรณีในต่างประเทศ ญาติไม่รับเงินด้วยซ้ำไป ตราบที่ความยุติธรรมยังไม่มา มันมีส่วนของพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณเอง เวลาที่เขาโฟนอินมา จะพูดลักษณะว่าให้ลืมกันไป ให้ประนีประนอม ดิฉันคิดว่าทำแบบนี้ พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณดูเลวลงในทัศนะคนเสื้อแดงจำนวนมาก อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด คนเสื้อแดงจำนวนมากก็อาจจะรู้สึกว่าได้รับชดเชยไปแล้ว พอแล้ว อันนี้ก็เป็นปัญหาอันหนึ่งของสังคมไทย คือดูเบาความทุกข์ ความคับแค้นของคนที่สูญเสีย คิดว่าเงินจะทดแทนความสูญเสียได้ทั้งหมด เป็นปัญหาหนึ่งของการมองเรื่องปรองดองในสังคมไทยด้วย เป็นการดูถูกด้วย

-
ความรับผิดทางการเมืองมีหลายระดับตั้งแต่ผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ เจ้าหน้าที่ระดับปฎิบัติการ จนถึงประชาชนไม่ว่าเขาจะทำด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เราจะสร้างบรรทัดฐานและจำแนกแยกแยะการรับผิดของคนแต่ละกลุ่มอย่างไร

-
พวงทอง: แต่ละสังคมที่ผ่านความรุนแรง ระดับของการรับผิดก็แตกต่างกันไป บางสังคมเอาเฉพาะผู้นำที่สั่งการ บางสังคมลงไประดับนายทหารที่มีอำนาจบังคับบัญชา ระดับสัญญาบัตรที่เกี่ยวข้องกับการบังคับบัญชา บางสังคมแม้กระทั่งนายทหารระดับล่าง ถ้าพบว่าคุณทำเองโดยไม่มีคำสั่ง เป็นการทำตามอำเภอใจ สะใจ ก็ถูกเอาผิดด้วยเหมือนกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมไม่กี่คน แต่ก็ต้องดูด้วยว่าระดับความขัดแย้ง ความตึงเครียดในสังคมเป็นอย่างไร เพราะการที่คุณจะเอาผู้มีอำนาจที่กระทำความรุนแรงต่อประชาชนอย่างกว้างขวางมาลงโทษได้นั้น โครงสร้างทางอำนาจต้องเปลี่ยนด้วย แต่โครงสร้างทางอำนาจไม่ได้เปลี่ยนอย่างฉับพลัน ไม่ใช่ว่ารัฐบาลทหารลงจากอำนาจวันนี้ วันพรุ่งนี้อำนาจจะเปลี่ยนถ่ายไปสู่รัฐบาลพลเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ เขายังมีเครือข่าย มีกลไกของเขาอยู่ หลายๆ คนก็ยังมีอำนาจอยู่ สิ่งสำคัญจะต้องเกิดการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างทางอำนาจ

-
ปัญหาอันหนึ่งของสังคมไทย คือดูเบาความทุกข์ ความคับแค้นของคนที่สูญเสีย คิดว่าเงินจะทดแทนความสูญเสียได้ทั้งหมด เป็นปัญหาหนึ่งของการมองเรื่องปรองดองในสังคมไทยด้วย

-
แต่กรณีสังคมไทย มันไม่เกิดขึ้น แม้กระทั่งหลังกรณี 6 ตุลา มันไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอำนาจจริง คนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงยังมีอำนาจอยู่ในเชิงโครงสร้าง ยังมีกลไกที่ออกมาปกป้องในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมถึงกระทั่งกลไกในการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยอมรับแนวทางการปรองดองแบบไทยๆ

-
กรณีของไทย ไม่ต้องพูดการเอาผิดกับทหารระดับล่าง เอาแค่ผู้นำไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจ สั่งการ ระดมทหารออกมา อนุมัติงบประมาณ อนุมัติการเบิกจ่ายกระสุนปืน การจัดตั้งหน่วยงาน แค่นี้ยังทำไม่ได้เลย หลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำได้ กระบวนการยุติธรรมที่กำลังจะเริ่มขึ้น ในที่สุดก็ถูกระงับไป มันชี้ให้เห็นว่ามีเครือข่ายของอำนาจที่จะปกป้องคนเหล่านี้อยู่

-
สำหรับดิฉัน จุดเริ่มต้นของสังคมไทย ถ้าจะมีการเอาผิดผู้ที่กระทำผิดได้จริง ดิฉันขอเฉพาะผู้นำที่เกี่ยวข้องในการสั่งการก่อน แค่นี้แหละ และนี่จะเป็นบทเรียนที่ป้องกันไม่ให้ความรุนแรงเกิดขึ้น ถ้ามันจะเกิดขึ้นอีก การจะเอาผิดคนที่ทำผิดซ้ำสองซ้ำสามอีกก็จะมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น

-
มีการตั้งข้อสังเกตว่า แล้วอย่างสไนเปอร์ที่ยิงลงมาจากบนรางรถไฟฟ้าล่ะ ใช่ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ถูกสั่ง แต่ในมิติความเป็นมนุษย์ เขาก็เป็นผู้ลั่นไกสังหาร

-
พวงทอง: นี่ก็เป็นประเด็นสำคัญ แต่อย่างที่บอก คือคนที่เสนอว่าควรต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยที่ไม่ขัดขืนคำสั่ง เพราะในที่สุดแล้วคุณต้องมองว่าคนแต่ละคนไม่ใช่แค่ตัวน็อต แต่สามารถคิดได้ รู้สึกได้ ตัดสินใจได้ ถ้าคำสั่งไม่ถูกต้อง เขาไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าคุณทำ คุณก็ต้องรับผิดชอบ โอเค นี่เป็นมิติที่น่าสนใจ

-
แต่อย่างที่บอก ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ คิดว่ายากมากๆ ที่จะเรียกร้องให้มีการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ระดับล่างได้ สองก็คือว่าวัฒนธรรมในกองทัพ การที่คุณเอากองทัพเข้ามาสลายการชุมนุม กองทัพไม่ได้ถูกฝึกมาให้สลายการชุมนุมโดยสันติวิธีและให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด เขาถูกฝึกให้ยิง Shoot to Kill ยิงแล้วอีกฝ่ายหนึ่งต้องล้มลง จะตายหรือบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่ประเด็นที่ดิฉันคิดว่าเขาสนใจเท่าไหร่ นี่ก็เป็นวัฒนธรรมกองทัพที่จะต้องถูกแก้ไขด้วย รวมถึงคนที่ตัดสินใจเอากองทัพเข้ามาสลายการชุมนุมโดยใช้กระสุนจริง ทั้งที่รู้อยู่ว่าผลที่จะออกมาเป็นยังไง ต้องรับผิดชอบมากกว่า

-
ที่จริงเรามีหน่วยปราบจราจลของตำรวจอยู่ มีเครื่องมือ แต่ไม่ถูกใช้ เพราะในปี 2553 มันคือการทำสงครามในเมือง เขาใช้ยุทธศาสตร์การทำสงครามในเมืองเข้ามาจัดการปัญหา การบอกว่าคนที่สั่งการไม่รู้ว่าผลจะออกมายังไง เป็นไปไม่ได้ คุณระดมพลทหารออกมา 67,000 กว่านาย อนุมัติให้มีการเบิกกระสุนออกมาเกือบ 4 แสนนัด มันคืออะไร กระสุนจริงนะคะ กระสุนสไนเปอร์อีก 2,000 นัด เวลาคุณเซ็นคำสั่งเหล่านี้ คุณจะบอกว่ามันจะไม่ถูกใช้เลยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง

-
การให้นำคนผิดมาลงโทษเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น อีกด้านหนึ่งประชาชนจำนวนมากที่อาจจะยังติดคุกอยู่ ยังต้องคดี พวกเขาอาจแค่ต้องการอิสรภาพ ต้องการการนิรโทษกรรม แม้จะต้องแลกกับการลอยนวลของผู้สั่งการ นี่อาจเป็นความต้องการพื้นฐานของเหยื่อทางการเมืองจำนวนมากที่จับต้องได้มากกว่า เห็นผลทันที

-
พวงทอง: พูดเฉพาะกรณีปี 2553 สิ่งที่เกิดขึ้น ที่พูดว่าถ้าคนที่ถูกจับกุมคุมขังได้รับอิสรภาพแล้วไม่ต้องเอาผิดคนที่รับผิดชอบ มันไม่ได้เกิดขึ้นในขณะนี้ สิ่งที่เราเห็นคือประชาชนถูกจับกุมคุมขัง ถูกดำเนินคดีไปหมดแล้ว บางคนก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว แต่ส่วนของผู้มีอำนาจยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีเลย ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำไป แล้วโอกาสที่จะเอาคนเหล่านี้มาดำเนินคดี มันเป็นไปไม่ได้เลยภายใต้รัฐบาลทหาร อาจต้องรอกันอีกสิบปี ฉะนั้น นี่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง มันแย่กว่าในอดีตด้วยซ้ำที่นิรโทษกรรมแล้ว ผู้มีอำนาจได้รับนิรโทษกรรม ประชาชนที่ติดคุกอยู่ก็ได้ด้วย อย่างในกรณี 6 ตุลา

-
กรณีของไทย ไม่ต้องพูดการเอาผิดกับทหารระดับล่าง เอาแค่ผู้นำไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจ สั่งการ ระดมทหารออกมา...แค่นี้ยังทำไม่ได้เลย หลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำได้ กระบวนการยุติธรรมที่กำลังจะเริ่มขึ้น ในที่สุดก็ถูกระงับไป มันชี้ให้เห็นว่ามีเครือข่ายของอำนาจที่จะปกป้องคนเหล่านี้อยู่

-
ถ้าจะมีการรื้อฟื้นคดีต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาอีก ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในเวลาอันใกล้ อย่างถ้าวันนี้บอกว่านิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้งผู้นำและประชาชนที่ติดคุกอยู่ด้วย ดิฉันไม่เห็นด้วย ดิฉันคิดว่าส่วนของประชาชนเขาได้รับโทษไปแล้ว ถ้าจะรื้อฟื้นคดีเหล่านั้นในส่วนของประชาชน ดิฉันคิดว่าต้องรื้อฟื้นมาดูว่าอันไหนที่มีปัญหาและเขาไม่สมควรที่จะติดคุก ก็ต้องได้รับการชดเชย แต่ถ้าเขาทำผิดจริง มีหลักฐานหนักแน่น ก็ต้องพิจารณาว่าโทษที่เขาได้รับไปแล้วมันเพียงพอหรือยัง แต่ระหว่างที่รื้อฟื้นคดีขึ้นมาจะต้องให้เขาได้รับการประกันตัว ส่วนคดีของผู้นำก็ต้องเกิดขึ้นไปพร้อมกันด้วย

-
Cr. prachatai



Thursday, May 19, 2016

เหล่ามารร้าย สุนัขรับใช้ทรราช คสช.ร่วมผสมโรง ทำลายพระธัมมชโย

เหล่ามารร้าย สุนัขรับใช้ทรราช คสช.ร่วมผสมโรง ทำลายพระธัมมชโย

-----------------------------------------------------------------------------------


นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาเรียกร้องให้"สมเด็จช่วง"ออกคำสั่งให้ "พระธัมมชโย"ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายชั่วคราว 

-
วันนี้(19พ.ค.59)นายทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก ให้ความเห็นกรณี พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับ ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันรับของโจร ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้แจ้งหนังสือให้พระธัมมชโย เข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 26 พ.ค.นี้ 

-
เชื่อว่าพระธัมมชโยจะไม่เดินทางเข้ามอบตัว เนื่องจากได้ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ออกจากวัด  ซึ่งหากดีเอสไอจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุม เชื่อว่า ลูกศิษย์วัดจะไม่ยินยอมและออกมาปกป้อง  ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ก่อนดำเนินการใดๆเพื่อไม่ไห้เกิดความวุ่นวาย

-
พร้อมมองว่ามหาเถรสมาคม โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ควรจะออกคำสั่งให้พระธัมมชโยออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นการชั่วคราวระหว่างถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนว่าเป็นอิสระจากวัดพระธรรมกายเพื่อความโปร่งใส และเป็นผลดีต่อการขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชในอนาคต

-
นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา ระบุว่า ขณะนี้พระธัมมชโย สามารถนำหลักฐานมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม หากพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์ก็จะพ้นมลทินและสามารถกลับไปดำรงตำแหน่งได้อย่างสง่างาม   แต่หากพบว่ามีความผิด ตามกฎมหาเถรสมาคมและพรบ.คณะสงฆ์จะต้องดำเนินการสึก  ทั้งนี้มองว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบกับความเลื่อมใสของประชาชนที่มีต่อวัดพระธรรมกายในภาพรวมอย่างแน่นอน