Thursday, May 12, 2016

DSI จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือจ้องทำลายพระศาสนา กันแน่

DSI จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือจ้องทำลายพระศาสนา กันแน่

ต้องยอมรับว่า คดีของพระธรรมกายเป็นคดีที่ประชาชนเรือนล้าน รวมถึงพระและบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ 

การกระทำของ DSI ที่จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือแท้จริงแล้ว ต้องการทำลายพระศาสนา เพื่อให้คนของ กลุ่ม อำมาตย์ทรราช คสช. เข้านั้งในตำแหน่ง พระสังฆราช กันแน่

ความลับในห้อง ห้องกระจก วัดบวรฯ - พระลิขิต ว่าด้วยเงินอุดหนุนสังฆราช 300 ล้านบาทที่หายไป จะเป็นภูเขาไฟที่รอการปะทุ ได้จริงหรือ

และ การตื่นตัวของพระ และผู้ศรัทธาพระพุทธศาสนา จนท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน ออกมากล่าวว่า 

"เนื่องจากช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา ได้สร้างความยุ่งยากให้คณะสงฆ์ ก็ล้วนมีที่มาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น"

แล้วก็ให้ข้อมูลตรงกัน

"ที่สำคัญต้นเหตุแห่งการเรื่องร้องเรียนเงินเกือบ 
300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช ในวันนี้ นั่นเอง"

ห้องกระจกฝั่งรากในวัดบวรนานแค่ไหน ?

สร้างความยุ่งยากให้วัดบวรมากน้อยเพียงไร ?


คนวัดบวรนั่นแหละรู้ดีที่สุด

พระ และคนที่เขามีใจเป็นธรรม รักความถูกต้อง รักวัดบวร และมีเคารพนับถือในองค์สมเด็จญาณฯ เขาอึดอัดกันทั้งนั้น จึงอยู่ในสถาพน้ำท่วมปาก 
พูดออกไปไม่ได้ มีแต่เสียกับเสีย ทั้งอาจเกิดอันตรายต่างๆกับตนอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย ยิ่งเมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธด้วยแล้วห้องกระจกก็ยิ่งปรากฏฉายรัศมีแห่งอำนาจมืด แผ่ครอบคลุมทั่วสังฆมณฑล หนักเข้าอีก
โดยเฉพาะ เกิดมีฤาษีคอยแปลงสาส์นสารพัดคือ

ให้พระอักษรเป็นพระลิขิต! 

ให้พระลิขิตเป็นพระบัญชา!

แล้วนำพระลิขิตไปแสวงหาผลประโยชน์นานาประการ ทั้งเงินทอง ตำแหน่ง ลาภยศ จนชื่อเสียงห้องกระจกเน่าฟอนเฟะ ส่งกลิ่นชั่วกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้านทั่วเมือง ก็แปลกนะครับ กลิ่นเหม็นเหล่านี้พอเดินเข้าวัดบวรกลับกลายเป็นกลิ่นหอมไปได้ไงก็ไม่ทราบทุกคนเงียบหมด ไม่พระหรือคน

เรื่องเหล่านี้ ใครๆ เขารู้กันทั้งนั้น!! 

ด้วยทรงฤทธิ์ทรงเดช จึงปลุกเสกได้สารพัดดังนั้น จึงมีพระหลายรูปได้เป็นเจ้าคุณ จนถึงรองสมเด็จ โดยง่ายโดยแทบไม่ต้องถามหาคุณสมบัติ หรือกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้นก็อิทธิฤทธิ์เพราะห้องกระจกนี้แหละบันดาลได้สารพัดนึก

ยังไม่เพียงแค่นั้น ฤทธิ์เดชชั่วนี้ ก็ยังขยายไปสู่อาณาจักรของคนไม่ใช่พระอีกนั่นก็คือ..... มีคนหลายคนได้เป็น นายพล นายพัน ก็เพราะห้องกระจกนี้ด้วยที่แทบไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ....

"ดันมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่ได้เป็นคุณหญิง คุณนาย เพราะห้องกระจกนี้เช่นกัน"ตำนานห้องกระจกนี้ BBC หรือCNN คงได้รู้สักวันนะครับ ในอนาคต 
ถึงเวลานั้นเมืองไทยอาจดังก้องโลกด้วยเรื่องเน่าๆ ก็ได้ คงสนุกกันบ้างงานนี้
ไอ้ที่เคยกระหยิ่มใจมาตลอดว่า..

"ใครมันจะมากล้ากับกู"

-------------------------------------------------------------------------------------

ข่าวเงิน 300 ล้านที่หายไป กลับกลายเป็นประเด็นเงียบ ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดแจ้งในการเบิกจ่าย 

เรื่องราวทั้งหมด  ท่านเจ้าคุณแขก หนึ่งในผู้ทรงอำนาจ แห่งห้องกระจก พระแขก  แห่งเนปาล ที่เข้ามาอยู่ในวัดบวรฯ ตั้งแต่เด็ก ๆ รู้ดี  รู้แม้กระทั้งการเอาเงินดั่งกล่าวไปซื้อที่อะไรทีใหน เมื่อไร 

และรู้แม้กระทั้ง ครอบครัวของใครได้ผลประโยนช์ จากเงิน 300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช  ........... 

ใครกัน ................. เล่าที่กล้าเอาเงินของ สมเด็จพระสังฆราช ไป ใครกันที่ทรงอำนาจ ในห้องกระจก  ถ้าไม่ใช่ นางมารร้าย ที่ชื่ออังกาบ และทำไมไม่มีการขัดขวาง เพราะผลประโยนช์ที่แบ่งกัน ได้ลงตัว โดยการนำเงินของสมเด็จพระสังฆราช 300 ล้าน ไปซื้อที่ดิน ที่ ลุมพินี  เพื่อพัฒนาด้านธุรกิจ  แม้จะมีการกล่าวอ้างเรื่อง ทำเพื่อดำรงไว้ซึ่งพระพุทธพระศาสนา ก็ไม่ควร

เพราะนั้นมันเงินของพระ ของ สมเด็จพระสังฆราช  และเป็นเงินของแผ่นดิน 

หากเรามีเปรียบเทียบ ระหว่างเงินของแผ่นดิน กับเงินของประชาชน ในกรณี ของวัดพระธรรมกาย แล้วนั้น


มันชั่งแตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังตีน อย่างเห็นได้ชัด


พระธัมมชโย ท่าน ไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีเลย มีแต่ทำความดีและประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา เงินที่ได้สร้างวัดสร้างความเจริญให้กับพระพทุธศาสนา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น 


ประเด็นที่น่าสงสัย ระหว่างเงินแผ่นดินกับเงินบริจาคของประชาชนผู้ศรัทธา
ทำไมสมุนของ ทรราช คสช. อย่าง DSI และมารศาสนาที่เกี่ยวข้องต้องการ ทำร้ายพระธัมมชโย 

1. ตอนนั้นคดีจบ เพราะบอกว่าเงินสหกรณ์บริจาคให้วัด 684 ล้าน และคนวัดเห็นใจสหกรณ์จึงรวบรวมกันคืนให้ทั้งหมด

2. ตอนนี้มาบอกว่าเงินสหกรณ์ที่หายเป็นหมื่นล้าน ย้ำหมื่นล้าน โยนความผิดมาให้วัด ทั้งๆที่ข้อมูลหลักฐานตอนนั้นชัดเจนมาก 684 ล้าน อย่างนั้นหรือ

3. ผลประโยชน์ของเรื่องนี้คืออะไร ใครกันที่ปลุกกระแสสร้างภาพลบๆให้พระพุทธศาสนา แล้วสุดท้ายใครที่ได้ผลประโยชน์ หากไม่ใช่ ทรราช คสช. ที่ต้องการ กำจัด สมเด็จช่วงและ เลื่อนการแต่งตั้งพระสังฆราช ออกไป อย่างไม่มีกำหนด 

เงินหายแต่ไม่ไป ต้องหาที่ที่มันหาย ทั้งเงินบริจาคให้วัดธรรมกาย ทำไมมันถึงแตกต่างกับเงินที่หายไปของ พระสังฆราช 

มารศาสนาอย่าง DSI ต้องการทำลายพระศาสนาไปทำไม ถ้าไม่มีคนสั่ง 

DSI และ ทรราช คสช. รู้หรือไหมว่าการทำเช่นนี้เป็นการ ปลุกพระ และประชาชนผู้ศรัทธาจะลุกขึ้นมา รวมตัวกันต่อต้าน ทรราช คสช. อย่างถึงที่สุดและนั้น จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ขององค์กรพระพทุธศาสนา

หากการรวมตัวของพระ และประชาชนใน วันที่ 16 พ.ค.นี้ อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศและคงไม่มีใครทนได้ เมื่อเห็น

"ทหารและข้าราชการของทรราช คสช. ฆ่าพระและทำลายพระศาสนา "

-
เสรีชน 


“ไอ้ตูบประยุทธ์ ” ลั่นรัฐบาลทรราช คสช.ไม่เคยทำร้ายใคร ใช้กฏหมา ตามหลักมนุษยชน

"ไอ้ตูบประยุทธ์ " ย้ำกับสหรัฐฯ ไทยเดินตามโรดแมป เลือกตั้งปี 60 ลั่นรัฐบาลทรราช คสช.ไม่เคยทำร้ายใคร ใช้กฏหมา ตามหลักมนุษยชน ตอบข้อสงสัยทำไมพลเรือนขึ้นศาลทหาร
--------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ห้องสีม่วง ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.เดนนิส แบลร์ ประธานมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation USA เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในโอกาสเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า

นายกฯกล่าวต้อนรับ พล.ร.อ.เดนนิส แบลร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งในกองทัพและฝ่ายบริหาร และเป็นที่ยอมรับในแวดวงการเมือง การทหารและธุรกิจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation USA ทั้งนี้นายกฯทราบว่า พล.ร.อ.แบลร์ เขียนหนังสือเรื่อง Military Engagement: Influencing Armed Forces Worldwide to Support Democratic Transition จึงหวังว่า ว่า พล.ร.อ.แบลร์ จะเข้าใจการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยของไทย และจะช่วยสะท้อนมุมมองและแนวคิดของประเทศไทยไปยังผู้กำหนดนโยบาย และฝ่ายต่างๆ ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยรักษาและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ส่วนการหารือ ได้แก่ พัฒนาการการเมืองไทยและประเด็นสิทธิเสรีภาพ โดยนายกฯเห็นว่า การทำความเข้าใจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองมีความสำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นที่อาจมีความคลาดเคลื่อน หรือ สร้างความเข้าใจผิด นอกจากนี้ นายกฯได้เน้นว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เคยจับกุมใคร ถ้าไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย แต่หลายโอกาสบุคคลที่ต้องการสร้างความขัดแย้ง จะใช้การแสดงออกที่ผิดกฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้รับความสนใจจากประชาคมต่างประเทศ

"รัฐบาลไม่เคยทำร้ายใคร เพราะทุกคนเป็นคนไทย แต่ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้เสรีภาพในการแสดงออกที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ที่ไม่ยั่วยุเพื่อให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง" พล.ต.วีรชนกล่าว

พล.ต.วีรชนกล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งไทยจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 ซึ่งเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ พร้อมกล่าวถึงพัฒนาการของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะนำไปสู่การทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยนายกฯยินดีที่จะรับฟังคำแนะนำและประสบการณ์ของสหรัฐฯ
-
Cr. MatichonOnline



ถามตรงๆกับจอมขวัญ : อัครา เหมืองแร่ทองคำสุดท้ายของไทย | 12-05-59 | Thair...



Download

แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงในไทย

กรณียูเอ็นทบทวนสิทธิมนุษยชนในไทยเผยให้เห็นภาวะ 'มือถือสากปากถือศีล' ของรัฐบาลทหารทรราช คสช.

------------------------------------------------------------------------------------

Thu, 2016-05-12 17:30

ฮิวแมนไรท์วอทช์แถลงเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2559 กรณีรัฐบาลไทยให้คำมั่นต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่อ้างวารัฐบาลไทยเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและจะคืนประเทศสู่ประชาธิปไตยนั้น ช่างเป็นคำพูดที่แทบจะไร้ความหมายและแสดงให้เห็นถึง "ความมือถือสากปากถือศีล" ของรัฐบาลเผด็จการทหาร

-
12 พ.ค. 2559 คำแถลงของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่าโดยก่อนหน้าที่จะมีการประชุมทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เรียกว่า Universal Periodic Review (UPR) ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตซ์เซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ส่งรายงานทบทวนสถานการณ์ต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่าพวกเขา "จัดให้เรื่องการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญที่สุด" แต่ฮิวแมนไรท์วอทช์ก็ระบุว่าที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรงโดยลอยนวลไม่ต้องรับผิด มีการใช้อำนาจทหารหนักขึ้น และละเลยข้อผูกพันด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติโดยสิ้นเชิง

-
จอห์น ฟิชเชอร์ ผู้อำนวยการรณรงค์ของสำนักงานฮิวแมนไรท์วอทช์สาขากรุงเจนีวากล่าวว่าการโต้ตอบของไทยต่อกรณีที่สหประชาชาติประเมินไทยนั้นไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงการให้สัญญาอย่างจริงจังต่อการลดการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือให้การคุ้มครองเสรีภาพพื้นฐานมากขึ้น ในขณะที่หลายประเทศเริ่มแสดงความกังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ตัวแทนจากประะเทศไทยก็ไม่ได้พูดอะไรที่จะขจัดความกังวลต่อวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นได้เลย

-
ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่าหลังจากที่เกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2557 และการเข้ามามีอำนาจของ คสช. นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการใช้อำนาจโดยอ้าง ม.44 ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบหรือขั้นตอนตามกฎหมาย มีการร่างรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจกองทัพในการแทรกแซงการเมือง รวมถึงมีการสั่งเซนเซอร์สื่อ ทำการสอดส่องโลกออนไลน์ และลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ปราบปรามคนที่วิจารณ์หรือทำกิจกรรมต่อต้านเผด็จการทหาร โดยมักจะอ้างข้อหายุยงปลุกปั่น อีกทั้งยังมีการอ้างใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพิ่มขึ้นมากและมีการลงโทษรุนแรงที่สุดจากที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ไทย นอกจากนี้ยังมีการเรียกตัวนักกิจกรรมหรือผู้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเข้า "ปรับทัศนคติ" อีกนับพันราย มีการใช้ศาลทหารที่ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้คนโดยไม่มีข้อหาหรือมีการไต่สวนรวมถึงไม่ให้พวกเขาสามารถเข้าถึงทนายความได้เลย

-
ในแถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุต่อไปว่าฝ่ายความมั่นคงของไทยยังคงละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงต่อไปโดยไม่ต้องรับผิด ยังไม่มีใครเลยที่ต้องรับผิดในกรณีการใช้กำลังปราบปรามและสังหารประชาชนช่วงการชุมนุม 2553 ในกรณีละเมิดสิทธิในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงในกรณี "สงครามยาเสพติด" สมัย ทักษิณ ชินวัตร ที่มีคนถูกวิสามัญฆาตกรรมมากกว่า 2,000 ราย รวมถึงการสังหารและอุ้มหายนักกิจกรรมด้านสิทธิชุมชนอย่าง 'บิลลี' หรือกรณีนักสิทธิมนุษยชนอย่าง 'ทนายสมชาย'

-
แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ยังระบุอีกว่าทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกหลายข้อทั้งที่มีการลงนามอนุสัญญาไว้เช่น เรื่องการต่อต้านการอุ้มหาย อนุสัญญาเรื่องการต่อต้านการทารุณกรรมซึ่งรัฐบาลไทยล้มเหลวในการออกกฎบังคับใช้และยังไม่มีกฎหมายใดระบุให้มีการชดเชยเหยื่อที่ถูกทารุณกรรม อีกทั้งยังทำได้ไม่ดีพอในกรณีของการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยและการต่อต้านการค้ามนุษย์

-
"ไม่มีใครควรที่จะถูกหลอกโดยรัฐบาลไทยที่ให้คำสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนแบบเพียงแค่ลมปาก" ฟิชเชอร์ กล่าว

-
"ประเทศสมาชิกสหประชาชาติควรกดดันไทยให้ยอมรับข้อเสนอของพวกเขาเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดภาวะตกต่ำทิ้งดิ่งลงเหวด้านสิทธิมนุษย์ชน โดยต้องทำให้ไทยยกเลิกการข่มเหงปราบปราม ให้เคารพในหลักเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และคืนประเทศสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยภายใต้พลเรือน" ฟิชเชอร์ กล่าว

---------------------------------------------------------------------------------------

MAY 11, 2016

Thailand: UN Review Highlights Junta's Hypocrisy

ทรราช คสช. บังคับให้ครูสร้างภาพ จริง...!!!

ทรราช คสช. บังคับให้ครูสร้างภาพ จริง...!!! 
-
จากกรณี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 บังคับให้ครู ปรมมือให้ ไอ้ตูบประยุทธ์ และ บังคับให้ทุกคนต้องปรมมือให้กับ ผู้นำ ทรราช คสช. เมื่อกล่าวจบนั้น ..................ถามถึงครู ทั้งหลายว่า
-
สังคมจะเจริญ และครูจะสร้งผลงานในการผลิต เด็ก เพื่อให้เป็น อนาคตที่ดีของชาติ ได้อย่างไง 
-
ก็ในเมื่อ ครู ยังยอมก้มหัวให้กับ ความ อยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม โดยทรราช คสช. 
-
หรือว่าครู..................?
-
ครูยอมเป็นเครื่องให้กับ ทรราช คสช. เสียแล้ว ลืม จรรยาบรรณ ของครูที่ดี ยอมที่จะเลีบตีน เผด็จการทรราช คสช. อย่างนั้นหรือ 
-
หากเป็นเช่นนั้น ครูบางตัว ที่เด็กๆ เคารพ และนับถือ กระทำตัว ไม่ต่างกับ ผู้ขายบริการทางเพศ  โดยลืมจิตวิญญานของความเป็นครู
-
แล้ว................ สังคมจะสร้างเด็กให้เป็นอนาคตที่ดีของชาติ ได้อย่างไร
-
ฝากถึงครูที่เลว................ ด้วยครับ
-

เสรีชน
---------------------------------------------------------------------------------------


เอกสาร สพม.1 แจงกำหนดการครู ให้ปรบมือ-ตะโกนเชียร์ 'นายกฯสู้ๆ'
-
จากกรณีมีการเเชร์ภาพกำหนดการประชุมใหญ่ "นายกพบเพื่อนครู" วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2559 เวลา 11.00 – 16.30 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
-
เว็บไซต์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 พบเป็นเอกสารประกอบการประชุมเตียมงาน "นายกพบเพื่อครู" สพม.1 เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 11 พฤษภาคม 2559 จริง โดยเป็นกำหนดที่กำหนดหน้าที่ให้คณะครูทำตามพิธีกรรมต่างๆอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เข้างานจนถึงนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง และเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงห้องประชุม ก็ให้ปรบมือจนกว่านายกฯจะเดินไปนั่งที่โซฟาจึงหยุดตบ เมื่อนายกฯพูดจบ จะมีสัญญานให้ครูทุกคนปรบมือให้ทุกคนพูดพร้อมกันว่า "นายกฯ สู้ๆ"

นอกจากนี้ กำหนดการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า ขณะที่นายกฯ เดินเข้ามาในห้องประชุม ขอความกรุณาไม่ลุกขึ้นยืน หรือยกแขนขึ้นมาถ่ายรูป นายกฯ อนุญาตให้ถ่ายภาพได้แต่ต้องอยู่ในท่านั่งที่สุภาพ



กลุ่มชาวพุทธร้องขอ 'ไอ้้ตูบ' หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา และ 'พระธัมมชโย'

กลุ่มชาวพุทธร้องขอ 'ไอ้้ตูบ' สั่งดีเอสไอหยุดทำคดีที่จ้องทำร้ายพระพุทธศาสนา และ 'พระธัมมชโย'

-
กลุ่มชาวพุทธรักสันติ แห่ร้องนายกฯทรราช คสช.  สั่งดีเอสไอ หยุดทำคดี "พระธัมมชโย" อ้างไม่มีเหตุทุจริต ขัดหลักความเป็นจริง อีกทั้ง"พระธัมมชโย"เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับถูก สมุนของ ทรราช คสช. และกลุ่ม โล้นสุวิทย์ แห่งสำนักอ้อน้อย โจมตี และใส่ร้ายป้ายสี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 


------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.59 ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  กลุ่มชาวพุทธรักสันติ กทม.นำโดย นายมาณพ เค้ามาก ประธานกลุ่มฯ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  โดยมี นางสุปราณี จันทรัตนวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล) เป็นตัวแทนรับเรื่อง 

ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าว เรียกร้องไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในฐานะผู้ต้องหากระทำความผิด ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินรวมถึงรับของโจร เนื่องจากการกล่าวหาดังกล่าว เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งดีเอสไอเคยสอบสวนพระธัมมชโยในฐานะพยานในคดีแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นดีเอสไอทราบแล้วว่า พระธัมมชโยไม่มีความผิด เหตุใดจึงยังมากล่าวหาอีก รวมถึงกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายได้ตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นเงิน 684.78 ล้านบาท และทางสหกรณ์ฯ ได้ถอนฟ้องพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายแล้ว

นอกจากนี้การกล่าวหาว่า ยักยอกเงินวัดขัดกับหลักความเป็นจริง เพราะพระธัมมชโยได้อุปสมบทมาแล้ว 47 พรรษา มีสุขภาพไม่แข็งแรง อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต จึงไม่มีเหตุใดที่จะประพฤติทุจริต อันเป็นการกระทำที่ขัดกับปณิธานในการสร้างความดี ดังนั้นขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย.