Wednesday, December 9, 2015

ดร.เพียงดิน รักไทย 10 ธ.ค. 2558 ตอน บทพิสูจน์ ความสำเร็จของนักปฏิวัติมดแดงล้มช้าง

||||||:-  ดร.เพียงดิน รักไทย 10 ธ.ค. 2558  ตอน บทพิสูจน์ ความสำเร็จของนักปฏิวัติมดแดงล้มช้าง

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มต้นทำงานในฐานะมดแดงล้มช้างทันที (ข้อมูลทุกอย่าง เป็นความลับสุดยอด ดร.เพียงดิน รักไทย จะดูแลเองแต่ผู้เดียว และอย่าได้ติดตามลิ้งค์อื่นใด นอกจากลิ้งค์นี้จากเฟสบุ๊คของดร.เพียงดิน และลิ้งค์ที่อยู่ใต้ยูทูปวิดีโอของ มหาวิทยาลัยประชาชน Official เท่านั้น)

Monday, December 7, 2015

ยุทธการเปลี่ยนระบอบแบบมดแดงล้มช้าง ใต้อาณาจักรแห่งความกลัว ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย 8 ธันวาคม 2558

ยุทธการเปลี่ยนระบอบแบบมดแดงล้มช้าง ใต้อาณาจักรแห่งความกลัว

ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย  8 ธันวาคม 2558 

http://www.dailymotion.com/video/x3hb6ty

ดร. เพียงดิน 8 ธ.ค. 2558 ตอน ยุทธการของปวงชนอภิวัฒน์มดแดงล้มช้าง ใต้อาณาจักรแห่งความกลัว

ดร. เพียงดิน 8 ธ.ค. 2558 ตอน ยุทธการของปวงชนอภิวัฒน์มดแดงล้มช้าง ใต้อาณาจักรแห่งความกลัว              

http://www.dailymotion.com/video/x3hb6ty

#โอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ตอนพิเศษ)

#โอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำ (ตอนพิเศษ)
เล่าโดยพระครูสมุทรกวี  (หลวงพ่อจำลอง  อาสโภ [เนตรนิยม])  เจ้าคณะอำเภอบางคนที  จ.สมุทรสงคราม

-----------------------------------------------

 "ไปอยู่กรุงเทพฯ เปล่า"  "ไปสิ"  หลังจากอาจารย์พร้อมชวนฉัน  ฉันก็ตัดสินใจที่จะไปอยู่กรุงเทพฯ ทันที  เพราะในสมัยนั้นสำนักเรียนบาลีหายากเหลือเกิน  คืนนั้นรีบเก็บข้าวของลงเรือ  ตอน  ๒  ทุ่มกว่าๆ ของปี  ๒๔๙๕  นั่งเรือมาวัดปากน้ำ  พอถึงวัดก็เข้าไปหาหลวงพ่อ

ท่านให้ความเมตตา  ความรัก  ความสงสาร  ไม่เคยลำเอียงไม่เคยอคติ  ไม่ว่าจะมาจากภาคเหนือ  อีสาน  หรือใต้  มีทุกภาคเต็มไปหมด  เป็นยิ่งกว่าพ่อกับลูก  เอาใจใส่เป็นภาระให้กับลูกศิษย์หมด  ใครเจ็บไข้ได้ป่วยท่านดูแล  ความเมตตาความเสียสละท่านมีอย่างสูงสุด

หลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่เคารพธรรมะ  เคารพการศึกษา  บางครั้งหลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นเทศน์  ท่านจะนั่งหลับตาเทศน์  เราจะฟังท่านเข้าใจในช่วงต้นๆ แต่พอปลายๆ จะไม่เข้าใจ  ละเอียดจริงๆ ไม่รู้ท่านได้ค้นคว้ามาจากไหน  พระเปรียญธรรมสูงๆ อย่างเปรียญธรรม ๙  ยังงงเลย  เดี๋ยวหลวงพ่อยกธรรมะขึ้น  เดี๋ยวยกบาลีขึ้น  ท่านแตกฉานจริงๆ แล้วคนที่มาฟังนะ   ไม่ต้องห่วงเลยเต็มศาลาไปหมด  หลวงพ่อสดท่านมีพระรัตนตรัยในหัวใจ  บางครั้งท่านพูดไปๆ ท่านก็บอกว่า  ถ้าหากธรรมสูงๆ จริงๆ  ท่านไม่ได้พูด  ท่านอาราธนาพรหมมาพูด  ท่านพูดอย่างนี้จริงๆ ที่ท่านพูดอย่างนี้จะแฝงเรื่องราวในส่วนละเอียดอย่างไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

หลวงพ่อสดเล่าให้ฟังว่า  วิชชาธรรมกายกว่าจะค้นเจอ  ค้นพบได้ใช้เวลาถึง  ๓๐  กว่าปี  เพราะเมื่อก่อนหลวงพ่อท่านบวช  ท่านก็ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานตามหลัก  ท่านบอกว่า  "มันอ้อม"  ท่านก็เลยพยายามค้นวิชชาธรรมกายนี้  จนได้ทางตรงนี้ขึ้นมาเป็น  สัมมาอะระหัง  หลวงพ่อเทศน์เสร็จแต่ละครั้งคนจะสาธุดังลั่นทั่วศาลา  ใครได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อนับว่ามีบุญวาสนา  ธรรมะลึกมากๆ  ตอนแรกพอฟังออกฟังเข้าใจ  พอหนักเข้าๆ ฟังไม่ออกแล้วเพราะว่าสูงมาก  หลวงพ่อพูดละเอียดในละเอียด  หยาบในหยาบ  สุดหยาบสุดละเอียด  ท่านพูดไปคล้ายท่านเห็นไปด้วย

หลวงพ่อบอกว่าที่ท่านมรณภาพนะ  ท่านสู้กับพญามารมาก  ไปปราบพญามาร  ไม่ใช่เสียใจเรื่องพระฝรั่งอย่างใครว่ากัน  แต่เป็นเพราะท่านสู้กับมาร ตรากตรำงานหนัก  ยังไงท่านก็ไม่ยอมแพ้  เคยได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อคำหนึ่ง  กุศลาธัมมา  อกุศลาธัมมา   อัพยากตาธัมมา  ท่านสอนในโบสถ์  ท่านบอกว่ามันมีฝ่ายดำ  ฝ่ายขาว  ฝ่ายไม่ดำไม่ขาว...ฝ่ายขาวคือพระพุทธเจ้าของเราก็พยายามส่งกระแสส่งสารให้คนทำความดีให้มากที่สุด  แต่ฝ่ายดำเขาส่งสาร  ให้คนทำความชั่วให้มากที่สุด  ส่วนไม่ดำไม่ขาวนี้  ถ้าเห็นว่าฝ่ายไหนมีกำลังมากก็จะสามารถเอาไปได้  ท่านเล่าตอนหนึ่งว่า  ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ พญามารก็โผล่ขึ้นมาเลย  ผุดขึ้นมาถามพระพุทธเจ้าว่า  "จะสู้กับเราหรือจะสอนประชาชน"  พระพุทธเจ้าท่านตรวจดูแล้วท่านก็บอกว่า  "เราจะไม่สู้เราจะสอนประชาชน" พญามารก็บอกว่า  "เจ้าทำไป"  จะเห็นได้ว่าตอนที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมจะสำเร็จหมด  เพราะพญามารเขาเปิด  แล้วทีนี้หนักเข้าๆ พญามารก็เอาล่ะสิเห็นพุทธบริษัทมากขึ้นคนทำความดีมากขึ้น  พญามารอยู่ไม่ได้  ก็ทำให้พระปาราชิกบ้าง  อาบัติบ้างเรื่อยไป  พระพุทธเจ้าก็เข้าฌานถาม  ไหนว่าจะไม่รบกวนไง  พญามารก็บอกว่า  มันเป็นวิชชาของพญามาร  ท่านมีหน้าที่สั่งสอนก็สั่งสอนไปสิ  มีหน้าที่บัญญัติสิกขาบทก็บัญญัติไปสิ..

นายพลแก้มบุ๋มชักเริ่มเอาตรีนก่ายหน้าผากแล้ว

สายข่าวหอยกาบ รายงานมาว่า
นายพลแก้มบุ๋มชักเริ่มเอาตรีนก่ายหน้าผากแล้ว (ส่วนจะเป็นหน้าผากใครสายข่าวไม่ได้รายงาน)    เมื่อคืนดอดถือพานพุ่มไปไหว้ขอพรที่อุทยานกระจายรายได้    แว่วว่าพระเจ้าตากลั่นเสียงให้แก้มบุ๋มได้ยินเลยว่าพิโรธมากกกกก...

"เอาม้ากูไปไหน    เวลาปั้นรูปปั้นกูต้องมีม้าด้วย   ไม่รู้หรือว่านี่คือลบหลู่!!"

นายพลแก้มบุ๋มตาเหลือกรีบโทรหานายพลโป๊ยก่ายกับนายพลต้อยติ่งเพื่อนรักเล่าความไปตัวสั่นงันงกไป   "......พวกมรึงรีบมาเลยนะ   เอาม้ามาถวายเจ้าตากด่วน    เรื่องจะได้จบๆ"

นายพลต้อยติ่งกับนายพลโป๊ยก่ายได้ยินดังนั้นก็ฉิบผายแล้ว     คืนเดียวจะไปปั้นม้าที่ไหนทัน    ยังไงรีบนั่งฮ.ไปรับหน้าเจ้าตากก่อน    พรุ่งนี้ค่อยปั้นม้าถวาย

พอลงจากฮ.ได้ก็กรูกันเข้าไปพนมมือประหลกๆหน้ารูปปั้นพระเจ้าตาก    เท่านั้นเองพระเจ้าตากก็ตะคอกเสียงดัง    "ไอ้แก้มบุ๋มกูให้ไปเอาม้ามา   มรึงไปพาเหี้ยมาได้ยังไงทั้งฝูง...!!!"

เปรม กับ การโกงในชาติไทย


เปรมบอกว่า "ชาติไทยไม่โกง" นั่นถูกต้อง ความเป็นชาติมันโกงไม่ได้แน่นอน ไอ้ที่เห็นโกงๆกันล้วน เป็นคนในชาติ มันก็พวกมึงทั้งนั้นไอ้เปรม บ้านหลวงรถหลวงมึงคืนหรือยัง มูลนิธิรัฐบุรุษมึงยอมให้มีการตรวจสอบหรือ? ที่ดินเขายายเที่ยงคืนแล้วจบ ส่วนต่างอุทยานราชภักด์คืนเหมือนกันแต่มึงไม่ยอมจบ โฮบเวลล์มีแต่ตอหม้อ สร้างโรงพัก 398 แห่งมีแต่เสา รถดับเพลิงซื้อแล้วไม่สารมรถนำออกใช้ได้ กล้องวงจรปิดมีแต่กล่องไม่มีกล้อง ไอ้ชวน, ไอ้อภิสิทธิ์,ไอ้สุเทพ, ไอ้สุขุมพันธ์และไอ้อภิรักษ์พวกมึงทั้งนั้น เรื่องพวกนี้มึงเงียบเป็นเป่าสาก ไอ้เปรมหน้ามึงมันไม่มียางต่างหาก มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงการโกงกินของคนอื่น เพราะในประเทศไทยมึงกับพรรคพวกกินกันคำโตและมุมมามยิ่งกว่าใครทั้งหมด

Sunday, December 6, 2015

ต้นตอของสามศาสนา บรรจง บินกาซัน

ต้นตอของสามศาสนา
บรรจง บินกาซัน

ปัจจุบันคือผลของอดีต หากใครจะเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ใครคนนั้นต้องศึกษาประวัติศาสตร์

ไม่มีใครสามารถเข้าใจปัญหาตะวันออกกลางที่กำลังเป็นชนวนไปสู่สงครามใหญ่ได้ ถ้าไม่เข้าใจประวัติศาสตร์และศาสนาของคนในภูมิภาคนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ชาวยิวและคริสเตียน กลุ่มชนทั้งสามนี้มีบรรพบุรุษทางศาสนาคนเดียวกัน นั่นคือ อิบรอฮีม หรือ อับราฮัม ผู้มีลูกหลานเป็นศาสดาคนสำคัญของโลกเช่น โมเสส เยซัส และมุฮัมมัด

หลายคนอาจสงสัยว่าชาวยิว ชาวคริสเตียน และมุสลิม มีบรรพบุรุษแห่งความศรัทธาคนเดียวกัน นับถือพระเจ้าเหมือนกัน แต่ทำไมถึงนับถือศาสนาแตกต่างกัน

ความจริงแล้ว ศาสนาที่ชาวยิว ชาวคริสเตียน และชาวมุสลิม นับถือ คือศาสนาที่มาจากพระเจ้าองค์เดียวเหมือนกัน แต่ชาวยิวได้เลือกนับถือศาสดาบางคนที่พวกตนเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง เช่น โมเสส และเดวิด   และต่อต้านศาสดาบางคนที่ขัดผลประโยชน์ของพวกตน เช่น พระเยซู 
ศาสนาของชาวยิวคือ ศาสนายูดาย ที่นับถือคัมภีร์ที่ปุโรหิตย์ชาวยิวเขียนขึ้นมาใหม่

ส่วนชาวคริสเตียนคือผู้ที่นับถือพระเยซู ผู้มายืนยันธรรมบัญญัติของโมเสส และให้ความเคารพศาสดาก่อนหน้าพระเยซูทั้งหมด แต่ไม่ยอมรับนบีมุฮัมมัด  ถึงแม้คัมภีร์ไบเบิลได้พูดถึงการมาของนบีมุฮัมมัดไว้ก็ตาม

ส่วนชาวมุสลิมนั้น หลักศรัทธาขั้นพื้นฐานกำหนดว่าต้องศรัทธาในนบีทั้งหมด และถือว่านบีมุฮัมมัดเป็นนบีคนสุดท้าย
 
เหตุผลที่ต้องศรัทธาเช่นนั้นก็เพราะ ศาสดา หรือนบีทั้งหมด ที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานล้วนนำคำสอนจากพระเจ้าองค์เดียวกันมาเผยแผ่สั่งสอนแก่มวลมนุษยชาติ   พื้นฐานหลักคำสอนของศาสดาเหล่านี้ทุกคนล้วนเหมือนกัน   นั่นคือ ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวและการฟื้นคืนชีพหลังความตาย   แต่ที่มุสลิมต้องศรัทธาว่า นบีมุฮัมมัดเป็นนบีคนสุดท้าย  ก็เพราะคำสอนของพระเจ้าที่ถูกประทานมายังมนุษย์ผ่านทางศาสดาต่างๆมากมายนับเป็นแสนคนนั้น ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสมัยของนบีมุฮัมมัดในรูปของศาสนาอิสลาม

ก่อนจะจบการละหมาดประจำวัน 5 เวลา นบีมุฮัมมัดได้สอนให้มุสลิมอ่านข้อความตอนหนึ่งซึ่งมีความหมายว่า "โอ้อัลลอฮฺฺ ขอพระองค์ได้โปรดอำนวยพรแก่มุฮัมมัด และลูกหลานของมุฮัมมัด เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้อำนวยพรแก่อิบรอฮีม ละลูกหลานของ อิบรอฮีม   และโปรดประทานความจำเริญแก่มุฮัมมัด และลูกหลานของมุฮัมมัด เช่นเดียวกับที่ประองค์ประทานความจำเริญแก่  อิบรอฮีมและลูกหลานของอิบรอฮีม ด้วยเถิด....."
 
เพื่อที่จะเข้าใจถึงสามสายธารศาสนาใหญ่ของโลกที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน  เราต้องรู้ว่า  อับราฮัม มีภรรยาคนแรกคือนางซาราห์  ทั้งสองอพยพออกจากเมืองอูร์ในอิรัก ไปอาศัยอยู่ในแผ่นดิน กันอาน หรือ ปาเลสไตน์  โดยที่ยังไม่มีลูก ต่อมา ทั้งสองได้อพยพไปที่แผ่นดินไอยคุปต์ หรือ อียิปต์โบราณ  ขณะที่อยู่ที่นั่น  อับราฮัมได้มีภรรยาคนที่สองเป็นหญิงชาวอาหรับพื้นเมืองชื่อว่า ฮาการ์ หรือ ฮาญัรฺ  และมีลูกคนแรกกับนางชื่อ  อิสมาอีล หรือ อิชมาเอล
 
เนื่องจากสังคมไอยคุปต์ในเวลานั้นมีสภาพไม่ต่างไปจากสังคมในอิรักที่ผู้คนเชื่อในเรื่องโชคลางไสยศาสตร์ และกราบไหว้บูชาสารพัดเจว็ด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อวิญญาณของอิสมาอีล ดังนั้น อิบรอฮีมจึงนำ นางฮาญัรฺ และอิสมาอีลลูกน้อยไปยังหุบเขาบักก๊ะฮฺ ที่ไร้ผู้คนในคาบสมุทรอาหรับ   คัมภีร์ไบเบิลเรียกหุบเขาแห่งนี้ว่า "เบกา" และทิ้งภรรยากับลูกไว้ที่นั่นตามลำพัง

หลังจากนั้น อิบรอฮีมได้เดินทางกลับไปหานางซาราห์ และมีลูกกับนางในตอนแก่ ชื่ออิสฮาก หรือ อิชอัก ต่อมา อิชอัก มีลูกคนหนึ่งชื่อ ยาโกบ หรือ ยะกู๊บ ผู้ได้ฉายาว่าอิสราเอล หรือ อิสรออีล   ยะกู๊บ มีลูก 12 คน และเนื่องจากยาโกบ ได้ฉายาว่า อิสราเอล ลูกหลานของยะกู๊บจึงถูกเรียกว่า "ลูกหลานของอิสราเอล" ซึ่งในคัมภีร์กุรอานเรียกว่า "บนีอิสรออีล"

ส่วนอิสมาอีล เติบโตขึ้นในหุบเขาบักก๊ะฮฺ และได้แต่งงานกับหญิงชาวอาหรับพื้นเมือง และมีลูกหลายคน คนหนึ่งชื่อเคดาร์  เป็นต้นตระกูลของเผ่ากุเรช  เผ่าที่นบีมุฮัมมัดถือกำเนิดขึ้นมา

ในตอนสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺ นบีอิบรอฮีมได้วิงวอนขอต่อพระเจ้าให้ลูกหลานของท่านได้เป็นผู้นำทางมนุษยชาติไปสู่พระองค์  พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนของท่านด้วยการให้มีศาสดาหรือนบีเกิดขึ้นมากมายในหมู่ลูกหลานอิสราเอล เช่น ยูซุฟ(โยเซฟ)  มูซา(โมเสส)  ฮารูน(อารูน)  ดาวิด(ดาวูด)  สุลัยมาน (ซาโลมอน)  อีซา(พระเยซู)

ลูกหลานของอิสราเอลนับถือศาสนาอะไร?  คัมภีร์กุรอาน กล่าวไว้ดังนี้ :
 
ก่อนจะเสียชีวิต ยะกู๊บได้ถามลูกๆว่า "หลังจากฉันแล้ว พวกเจ้าจะเคารพภักดีผู้ใด?" ลูกๆของเขากล่าวว่า "เราจะเคารพภักดีพระเจ้าที่พ่อและบรรพบุรุษของพ่อ นั่นคือ
อิบรอฮีม  อิสมาอีล(อิชมาเอล) และอิสฮาก(อิสอัค)  ยอมรับว่าเป็นพระเจ้าของพวกเขาและเราเป็นมุสลิม" (กุรอาน 2:131-133)

ศาสนาของลูกหลานอิสราเอล จึงมิใช่ศาสนาใดนอกไปจากศาสนาที่มาจากพระเจ้า หรืออิสลามนั่นเอง 

แต่เมื่อชาวอาหรับชื่อมุฮัมมัด อ้างตัวเป็นนบี ลูกหลานของอิสราเอลต่างพากันปฏิเสธเป็นพัลวัน เหตุผลก็เพราะลูกหลานอิสราเอลทะนงในเชื้อสายของตัวเอง  จนถึงกับเชื่อว่า  หากพระเจ้าจะให้มีนบีเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ นบีผู้นั้นต้องเกิดในเชื้อสายของอิสราเอล ไม่ใช่ชาวอาหรับ  ที่ไม่เคยมีนบีหรือคัมภีร์ศาสนามาก่อน  โดยลืมไปว่าบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดก็คือ นบีอิบรอฮีม